Share on
×

Share

เคาะแล้ว รัฐบาลจำกัด 5 ซิม/คน – บัญชีม้าผิดซ้ำ ยกเลิกบัญชีทันที

เคาะแล้ว รัฐบาลจำกัด 5 ซิม/คน - บัญชีม้าผิดซ้ำ ยกเลิกบัญชีทันที

รัฐบาลประกาศยกระดับการทำสงครามกับอาชญากรรมทางไซเบอร์เต็มรูปแบบ หลังการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ตาม พ.ร.ก. มาตรา 13) ครั้งที่ 6/2568 เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยมี ไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธาน ขับเคลื่อนนโยบายของ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่กำหนดให้การปราบปรามภัยออนไลน์เป็น วาระแห่งชาติ

ประเด็นที่น่าจับตามองที่สุด คือการอัปเกรดเครื่องมือทางกฎหมายครั้งใหญ่ โดยเตรียมผลักดันพ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากากรรมทางเทคโนโลยี ฉบับที่ 2 ปี พ.ศ.2568 ซึ่งเป็นการปรับปรุงแก้ไขจากฉบับที่ 1 พ.ศ.2566 โดยหัวใจสำคัญคือการเพิ่มมิติการตอบโต้ เข้าไป นอกเหนือจากการป้องกันและปราบปราม ที่มีอยู่เดิม

เป้าหมายของกฎหมายใหม่นี้ คือการเพิ่มเครื่องมือให้เจ้าหน้าที่สามารถทำงานในเชิงรุกได้มากขึ้น และจะมีบทบัญญัติคุ้มครองผู้ปฏิบัติหน้าที่ในกระบวนการเชิงรุก โดยเฉพาะการดำเนินการที่อาจเกี่ยวข้องกับระหว่างประเทศ พร้อมยกระดับบทลงโทษให้รุนแรงยิ่งขึ้น คาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาในสัปดาห์หน้าก่อนเสนอเข้า ครม.ต่อไป

เดินเกมรุกเวทีโลก จ่อลงนามอนุสัญญา UN ต้านภัยไซเบอร์

ในมิติระหว่างประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ยกระดับปัญหานี้เป็นวาระแห่งชาติ รัฐมนตรีดีอีเปิดเผยว่า จะมีการเดินทางไปประเทศเวียดนามเพื่อลงนามใน อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ (Anti-Cybercrime Convention)

กระบวนการนี้มี 3 ขั้นตอนสำคัญ คือ 1) ลงนามแสดงเจตจำนง 2) นำกลับมาปรับแก้กฎหมายภายในประเทศให้สอดคล้อง ซึ่งครอบคลุมหลายมิติ ทั้งการค้ามนุษย์ การเงิน และ 3) ให้สัตยาบัน โดยอนุสัญญานี้จะมีผลบังคับใช้เมื่อมี 40 ประเทศให้สัตยาบันครบถ้วน

“ก่อนหน้านี้มีประมาณ 21 ประเทศที่แสดงเจตจำนง แต่จากวันนั้นถึงวันนี้ ปริมาณเพิ่มขึ้นไปมากกว่า 90 ประเทศแล้ว” รัฐมนตรีกล่าว “ผมคิดว่าเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่จะมีการร่วมงานกันในการจัดการเรื่องสแกมเมอร์ทั่วโลก”

อุดช่องโหว่ ซิมผี-บัญชีม้า สั่ง กสทช.-ธปท. คุมเข้ม

ในส่วนของมาตรการภายในประเทศ ที่ประชุมได้สั่งการ ยาแรง เพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยงของมิจฉาชีพ 2 ส่วนหลัก โดยมอบหมายให้หน่วยงานกำกับดูแลดำเนินการทันที

จำกัดเพดานซิมการ์ด (มอบหมาย กสทช.) จากเดิมที่พบช่องโหว่การซื้อซิมการ์ดที่ศูนย์บริการโอเปอเรเตอร์โดยตรงที่ ไม่มีมาตรการในการจำกัด ที่ประชุมได้มอบหมายให้ กสทช. พิจารณาแนวทางควบคุมการใช้ซิม โดยกำหนดหลักเกณฑ์ชัดเจนว่า

บุคคลทั่วไป สามารถถือครองซิมของผู้ให้บริการเครือข่าย (โอเปอเรเตอร์) ทั้งหมดได้จำนวนไม่เกิน 5 หมายเลข/คน

กำหนด บทลงโทษโอเปอเรเตอร์ หากมีการละเว้นไม่ปฏิบัติตาม

จัดการบัญชีม้า (มอบหมาย ธปท.): มอบหมายให้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดมาตรการเชิงรุกเพื่อป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ

บุคคลที่เกี่ยวข้องกับบัญชีม้า (ที่ถูกพิสูจน์แล้ว) สามารถมี บัญชีเพื่อการยังชีพได้เพียง 1 บัญชี

ยาแรง: หากบุคคลดังกล่าว กระทำความผิดซ้ำ ให้มีการยกเลิกบัญชีธนาคารของบุคคลนั้นทันที

ยกระดับ War Room ดึง แบงก์-มือถือ นั่งประกบ Real-Time

เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างทันท่วงที นายไชยชนกได้สั่งการให้ยกระดับ War Room โดยระบุชื่อชัดเจนคือ ศูนย์บริหารเหตุการณ์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และค้ามนุษย์นานาชาติ (ศกต.) หรือ IAC

โดยได้ขอความร่วมมือจาก กสทช. และ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้จัดส่ง เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ เข้าไปร่วมบูรณาการข้อมูลและปฏิบัติหน้าที่ใน War Room นี้ด้วย เพื่อให้การขอข้อมูล การอัปเดตข้อมูลซิม ไอพี และเส้นทางการเงิน เป็นไปอย่าง Real-Time สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมและสถานการณ์ได้ละเอียดขึ้น นำไปสู่การทำ Profiling (การจำแนกกลุ่มอาชญากร) ที่แม่นยำ

ลุยเข้มชายแดน-ฟัน ข้าราชการเอี่ยว โทษหนัก

ในประเด็นปัญหาตามแนวชายแดน โดยเฉพาะสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ยัง เล็ดลอด เข้าไปในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน รัฐมนตรียืนยันว่าได้สั่งการ ตัดอย่างเด็ดขาด โดยอ้างถึงมติ สมช. เดิมที่ยังคงบังคับใช้ได้

ขณะเดียวกัน รมว.ไชยชนกได้ส่งสัญญาณเตือนเจ้าหน้าที่รัฐอย่างชัดเจน โดยคณะกรรมการชุดนี้จะมีการ ประชุมติดตามและตรวจสอบผลการดำเนินงานทุกสัปดาห์ และจะ บังคับใช้กฎหมายขั้นรุนแรงอย่างถึงที่สุด หากตรวจสอบพบว่าข้าราชการ เจ้าหน้าที่ มีส่วนเกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์

ด้านตัวแทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า ตัวชี้วัดต่อจากนี้คือ ปริมาณเคสที่เกิดใหม่ในแต่ละวัน (ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 1,000 กว่าเคส) จะต้องลดลง และหากพบเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างแน่นอน

×

Share

ผู้เขียน