การเปิดฉาก Bitkub Summit ในครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การจัดอีเวนต์เทคโนโลยีที่ “ยิ่งใหญ่ที่สุด” แต่คือการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ (Strategic Move) ครั้งสำคัญของ จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของบริษัท Bitkub Capital Group Holdings จำกัด ที่ประกาศควักเงิน 40 ล้านบาท เปิดให้คนไทย 5,000 คน (จาก 50,000 คนที่ลงทะเบียน) เข้าร่วมฟรี
นี่คือ “เกมใหญ่” ที่ Bitkub กำลังวางตำแหน่งตัวเองเป็น “ผู้ให้ความรู้” แก่สังคม ท่ามกลาง 3 วิกฤติชาติ ที่เขาชี้ว่าระบบการศึกษาภาคบังคับไม่เคยสอน
ทำไมต้องฟรี? 40 ล้านที่ไม่ได้เสียเปล่า
ในมุมมองของนักการตลาด การใช้เงิน 40 ล้านบาทเพื่อจัดงานฟรี คือการลงทุนที่มหาศาล แต่จิรายุสได้ตั้งคำถามกลับไปยังโครงสร้างสังคมว่า “ทำไมการเข้าถึงความรู้เพื่อการปรับตัว (Upskill/Reskill) ของคนวัยทำงาน จึงต้องถูก ‘เก็บค่าบัตร’?”
เขาสร้างภาพเปรียบเทียบที่ชัดเจนว่า ในขณะที่เด็ก ม.6 มีระบบการศึกษาภาคบังคับรองรับ แต่ “มหาวิทยาลัยของคนทำงาน” หรือคนที่มีครอบครัวแล้ว ซึ่งกำลังเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลกโดยตรงอยู่ไหน?
การทุ่มงบ 40 ล้านครั้งนี้ จึงไม่ใช่ “ต้นทุน” แต่คือ “การลงทุน” เพื่อสร้างแบรนด์ Bitkub ให้เป็น “มหาวิทยาลัยภาคประชาชน” โดยจิรายุสระบุว่า ความรู้เหล่านี้ควรเป็น “สิทธิขั้นพื้นฐาน” (Basic Human Rights) ที่คนไทยทุกคนต้องเข้าถึง
3 วิกฤติชาติ: “Product Market Fit” ของการศึกษา
สิ่งที่จิรายุสกำลัง “ขาย” ในงานนี้ คือองค์ความรู้ที่เขาเชื่อว่าเป็นทางรอดจาก 3 วิกฤติเร่งด่วนของประเทศ ซึ่งระบบการศึกษาปัจจุบันตามไม่ทัน คือ
วิกฤติความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) เขาระบุว่าผลลัพธ์ของระบบการศึกษาที่ผ่านมา คือตัวเลขหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงถึง 90% ต่อ GDP ซึ่งสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ นี่คือหลักฐานว่าคนไทยขาดความรู้การเงินอย่างหนัก
วิกฤติความรู้ดิจิทัล (Digital Literacy) โดยอ้างอิงข้อมูลจาก World Economic Forum (WEF) จิรายุสเตือนว่า 1 ใน 3 ของประชากรโลก ต้องกลับไปเรียนหนังสือใหม่ภายในปี 2030 (อีก 5 ปี) เพราะ AI กำลังจะกลายเป็น “ระบบปฏิบัติการ” (Operating System) ของทุกอุตสาหกรรม
วิกฤติสุขภาพและประชากร (Health Literacy) ประเด็นนี้ถูกระบุว่าเป็น “วิกฤติที่ใหญ่ที่สุด” ยิ่งกว่าหนี้สิน เขาให้ข้อมูลว่าอัตราการเกิดของเด็กลดลงเหลือเพียง 4 แสนคนต่อปี (จากเดิม 1 ล้านคน) และคาดการณ์ว่าใน 50 ปี ประชากรไทยอาจหายไปครึ่งหนึ่ง เหลือเพียง 33 ล้านคน จิรายุสใช้คำเรียกคนยุคนี้ว่าเป็น “เดอะแบกรุ่นสุดท้าย” ของระบบประกันสังคมและกองทุนสุขภาพ
สร้าง Ecosystem ตอกย้ำ “เทคสัญชาติไทย”
การลงทุน 40 ล้านนี้ ไม่ได้มาจาก Bitkub เพียงลำพัง จิรายุสย้ำว่านี่คือพลังของ Ecosystem ทั้งวิทยากรชั้นนำของประเทศกว่า 140 คน ที่มาร่วมงานโดย “ไม่รับค่าจ้างสักบาท” และทีมงานเบื้องหลังกว่า 200 ชีวิต
นี่คือการตอกย้ำความฝันดั้งเดิมของเขา ที่ต้องการสร้างบริษัทเทคโนโลยี “สัญชาติไทยแท้” (นิยามว่า ผู้ถือหุ้น-ผู้บริหาร-พนักงาน เป็นคนไทย 100%) ซึ่งเขายอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า “แทบไม่เหลืออยู่แล้ว” ในสมรภูมิสตาร์ทอัพไทย การจัดงานครั้งนี้จึงเป็นทั้งการสร้างแบรนด์ และการพิสูจน์ว่าบริษัทเทคไทยสามารถเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงได้
งาน Bitkub Summit ครั้งนี้จึงเป็นมากกว่าสัมมนา แต่คือการส่งสารที่ชัดเจนว่า Bitkub กำลังขยับตัวจากผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัล ไปสู่ “ผู้สร้างโครงสร้างพื้นฐานความรู้” ให้กับประเทศ ซึ่งเป็นกลยุทธ์การตลาดที่สร้างความผูกพันกับแบรนด์ (Brand Loyalty) ได้ลึกซึ้งกว่าการแข่งขันด้านราคาในตลาดคริปโทฯ
โดยในช่วงท้าย จิรายุสได้เปลี่ยนพิธีเปิดตามปกติ เป็นการเชิญผู้ร่วมงานทั้งหมด ยืนสงบนิ่ง 1 นาที (Standing Silence) เพื่อร่วมถวายความอาลัยต่อการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศไทย




