นับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของระบบสาธารณสุขไทย เมื่อกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการเชื่อมโยงระบบข้อมูลสุขภาพของประเทศครั้งใหญ่ โดยมีมติเห็นชอบให้เชื่อมต่อข้อมูลสุขภาพทั้งในและนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ผ่านสองแพลตฟอร์มหลักคือ “Health Link” และ “หมอพร้อม”
ความร่วมมือนี้เกิดขึ้นในการประชุมคณะกรรมการเฉพาะด้านระบบสุขภาพดิจิทัล ครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขานรับนโยบาย “Quick Win” ของรัฐบาล และวางรากฐานอันแข็งแกร่งสำหรับบริการสุขภาพดิจิทัลที่ไร้รอยต่อ (Seamless Digital Health Service) ให้เกิดขึ้นจริง
อธิบายกลไกการเชื่อมโยง: CDES สะพานเชื่อมสองระบบ
หัวใจสำคัญของความร่วมมือนี้คือการพัฒนาระบบที่ทำหน้าที่เป็น “ตัวกลาง” ในการแลกเปลี่ยนข้อมูล โดยกระทรวงดีอีและ สธ. ได้ร่วมกันผลักดัน “ระบบบริหารจัดการแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพระดับประเทศ (Central Data Exchange Service: CDES)”
CDES นี้จะทำหน้าที่เป็นกลไกกลางที่เชื่อมต่อระหว่างสองระบบหลัก กล่าวคือ:
- ระบบ “หมอพร้อม”: ทำหน้าที่เป็นแกนหลักในการเชื่อมโยงข้อมูลในระดับประเทศ โดยเฉพาะข้อมูลจากสถานพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข
- ระบบ “Health Link”: พัฒนาโดยสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (BDI) ทำหน้าที่เชื่อมโยงข้อมูลสถานพยาบาลนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และหน่วยนวัตกรรมที่ขึ้นทะเบียนกับ สปสช.

ศ.ดร.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการ สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) อธิบายว่า ปัจจุบันระบบ Health Link เพียงระบบเดียวได้เชื่อมโยงสถานพยาบาลไปแล้วกว่า 8,000 แห่งทั่วประเทศ เมื่อนำมาผนวกรวมกับเครือข่ายของ “หมอพร้อม” จะทำให้ประเทศไทยสามารถเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพได้ครอบคลุมกว่า 15,000 แห่งทั่วประเทศ ภายใต้กลไกการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดตามมาตรฐานสากล
แผน 4 มิติ สู่การปฏิรูประบบสุขภาพ

ด้าน พัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นประธานการประชุม กล่าวว่า การเชื่อมโยงข้อมูลข้ามกระทรวงและข้ามหน่วยงานครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการวางรากฐานธรรมาภิบาลด้านข้อมูลสุขภาพระดับชาติ ภายใต้นโยบาย “หมอไม่ล้า ประชาชนไม่รอ เชื่อมต่อทุกบริการผ่านเทคโนโลยี”
โดยที่ประชุมได้เห็นชอบกรอบการดำเนินงาน 4 มิติ เพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูป ดังนี้:
- การเชื่อมโยงระดับประเทศ: ใช้ระบบ “หมอพร้อม” เป็นแกนกลาง
- การเชื่อมโยงระดับพื้นที่ กทม.: ใช้ระบบ “Health Link” เป็นตัวเชื่อม
- การเชื่อมโยงข้ามกระทรวง: เชื่อมข้อมูลระหว่าง สธ. กับ สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงบริการสุขภาพดีถ้วนหน้า (Health for all)
- การวางกรอบ พ.ร.บ.สุขภาพดิจิทัล: เร่งจัดทำกฎหมายกลางฉบับใหม่ เนื่องจากระบบสุขภาพไทยยังขาดกฎหมายที่กำกับดูแลและเชื่อมโยงข้อมูลอย่างบูรณาการ กฎหมายที่มีอยู่เดิมยังไม่ครอบคลุมนวัตกรรมสุขภาพดิจิทัลใหม่ ๆ
ประโยชน์ที่ประชาชนและระบบจะได้รับ
การเชื่อมโยงข้อมูลครั้งประวัติศาสตร์นี้ จะสร้างประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมในหลายมิติ:
ประโยชน์ต่อประชาชน:
- รักษาได้ทุกที่ (Treat Anywhere): ประชาชนสามารถเข้ารับการรักษาได้ทุกสถานพยาบาลที่อยู่ในเครือข่าย โดยไม่จำเป็นต้องพกเอกสารประวัติการรักษา หรือเสียเวลาย้อนกลับไปขอประวัติจากโรงพยาบาลเดิม
- ลดค่าใช้จ่าย: ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่ไม่จำเป็น
- สะดวก รวดเร็ว: เข้าถึงบริการสาธารณสุขได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น
ประโยชน์ต่อบุคลากรทางการแพทย์:
- ข้อมูลครบถ้วน: แพทย์และบุคลากรสามารถเข้าถึงข้อมูลสุขภาพที่จำเป็นต่อการวินิจฉัยได้อย่างครบถ้วน
- ลดการตรวจซ้ำซ้อน: เมื่อเห็นประวัติการตรวจวินิจฉัยจากที่อื่นแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องตรวจซ้ำ
- เพิ่มความปลอดภัย: ป้องกันความผิดพลาดในการสั่งยา โดยเฉพาะกรณีที่ผู้ป่วยมีประวัติการแพ้ยาจากสถานพยาบาลอื่น
ประโยชน์ต่อระบบสาธารณสุข:
- ประสิทธิภาพการจัดการ: ระบบสุขภาพโดยรวมสามารถบริหารจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ
- การวางแผนเชิงนโยบาย: สามารถนำข้อมูลภาพรวม (Big Data) ไปวิเคราะห์เพื่อวางแผนเชิงนโยบายด้านสาธารณสุขได้อย่างแม่นยำ
สุชาดา ซาง แทนทรัพย์ เลขานุการ รมว.ดีอี สรุปว่า ความร่วมมือนี้จะนำไปสู่การสร้างศูนย์กลางข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคลของประเทศ ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง และสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงดีอี ที่มุ่งสร้างระบบบริการภาครัฐที่โปร่งใสและเชื่อมโยงถึงกันอย่างไร้รอยต่อ
ทั้งนี้ ประชาชนที่สนใจ สามารถสมัครใช้บริการ Health Link ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ผ่านทางแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
‘AI สองขั้ว’ สร้างความเหลื่อมล้ำ AIS กางภารกิจ ‘คิดเผื่อ’ สู้กับดัก ‘ความกลัว’
Lifestyle Medicine: ศาสตร์ 6 เสาหลัก พลิกโรคเรื้อรังด้วย ‘วินัย’ ไม่ใช่ ‘ทางลัด’




