การชำระเงินผ่านระบบดิจิทัลเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลพวงจากการแพร่ระบาดของโควิด การชำระเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัลได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางทั่วเอเชีย รวมทั้งไทย ดันผู้ให้บริการระบบชำระเงินเติบโตอย่างก้าวกระโดด และต้องพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง
ล่าสุด 2C2P หนึ่งในฟินเทคชั้นนำ เผยทิศทางธุรกิจ ขยายขอบเขตบริการครอบคลุมทุกขนาดธุรกิจ ไม่จำกัดเฉพาะบริการออนไลน์อีกต่อไป ชู 3 กลยุทธ์ เสริมโซลูชันองค์กร-สร้างนวัตกรรมการชำระเงิน-ยกระดับ SME ด้วย ‘qwik’ แพลตฟอร์มระดับโลก
วรฉัตร ลักขณาโรจน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทูซีทูพี (ประเทศไทย) จำกัด คนใหม่ ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งประมาณ 6-7 เดือน เล่าถึงการเดินทางกว่าสองทศวรรษ หรือกำลังเข้าสู่ปีที่ 22 ของ 2C2P ซึ่งไม่ได้หยุดอยู่เพียงผู้ให้บริการ Credit Card Payment Processing เช่นเมื่อเริ่มก่อตั้ง ที่เน้นการให้บริการเฉพาะลูกค้าองค์กร (Enterprise Solution) ในรูปแบบการชำระเงิน ออนไลน์เท่านั้น
–‘วรฉัตร ลักขณาโรจน์’ นั่งตำแหน่ง ประธานกรรมการบริหาร 2C2P คนใหม่ เริ่มเมษายน 68
แต่ปัจจุบันบริษัทได้กลายเป็นผู้ให้บริการระบบชำระเงินระดับภูมิภาค ในเครือ Ant International ภายใต้กลยุทธ์ที่เน้นความครอบคลุมทุกขนาดธุรกิจ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ การชำระเงินข้ามพรมแดน เพื่อให้ทุกการจ่ายเงินเป็นเรื่องง่าย ปลอดภัย และไร้รอยต่ออย่างแท้จริง หนุนไทยเป็นศูนย์กลางฟินเทคแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ธุรกรรมทะลุ 450,000 ล้าน
บริษัทคาดการณ์ปริมาณธุรกรรมรวมปี 2568 ในประเทศไทยจะทะลุ 450,000 ล้านบาท อัตราการเติบโต YoY เดือนกันยายน เพิ่มขึ้นกว่า 35% รายได้ของบริษัทจะเติบโตขึ้นราว 25% สะท้อนความแข็งแกร่งของธุรกิจและความไว้วางใจจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ
รายงานธุรกิจและข้อมูลเชิงลึกของ 2C2P ประเทศไทย พบด้วยว่า แนวโน้มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติในไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผ่านช่องทางดิจิทัลอย่าง Alipay และบัตรเครดิตต่างประเทศ สะท้อนความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายผ่านระบบชำระเงินที่ปลอดภัยและสะดวกมากขึ้น
ธุรกิจที่เติบโตสูงสุด 4 กลุ่ม คือ 1. Online Travel Agent (OTA) เติบโต 92% 2. ธุรกิจประกัน (Insurance) เติบโต 42% 3. e-Commerce เติบโต 34% 4. สายการบิน (Airline): เติบโต 20% และเทรนด์การชำระเงินของคนไทย ในแง่มูลค่า ยังคงใช้บัตรเครดิตมากกว่า 50% ของมูลค่าการซื้อขายออนไลน์ทั้งหมด แต่ PromptPay เติบโตอย่างเห็นได้ชัด จาก 8% เป็น 25% ของมูลค่า
ส่วนของนักท่องเที่ยวจีนมียอดการใช้จ่ายผ่าน Alipay เพิ่มขึ้นกว่า 25% ส่วนใหญ่ใช้จ่ายซื้อตั๋วเครื่องบินมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 14,000 บาทต่อรายการ และหมวด OTA เฉลี่ย 5,500 บาทต่อรายการ ส่วนบัตรเครดิตต่างประเทศ เติบโตถึง 40% โดยหมวดสายการบินมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 27,000 บาทต่อรายการ และหมวด OTA เฉลี่ย 3,000 บาทต่อรายการ
ขณะที่ระบบผ่อนชำระ (Installment Payment) โดยรวมเติบโต 12% มูลค่าเฉลี่ยต่อรายการอยู่ที่ประมาณ 20,000 บาท ซึ่งกลุ่ม OTA มีอัตราการเติบโตสูงถึง 33%
85% การชำระเงินเปลี่ยนสู่ดิจิทัลใน 3 ปี
นอกจากนี้ แนวโน้มใน 3 ปีข้างหน้า เชื่อว่า การชำระเงินในประเทศไทย (ทั้งออนไลน์และออฟไลน์) 85% จะเปลี่ยนจากเงินสดไปเป็นรูปแบบดิจิทัล โดยพฤติกรรมการชำระเงินของผู้บริโภคไทยยังคงเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ช่องทาง PromptPay และ e-Wallets จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ส่วนบัตรเครดิตและช่องทางธนาคารยังคงครองสัดส่วนมูลค่าธุรกรรมหลัก โดยเฉพาะหมวดการท่องเที่ยว การเดินทาง และสินค้าพรีเมียม
–2C2P ผนึก Wave Money เปิดตัว ‘2C2P WAVE’ แอปฯ โอนเงินจากไทยสู่เมียนมา
แผน 3 ปี ลงทุน 1,500 ล้าน – ขยายลูกค้า SME
ประธานกรรมการบริหาร ยังเล่าว่า บริษัทวางแผนลงทุนกว่า 1,500 ล้านบาทภายใน 3 ปี เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีในประเทศไทย ครอบคลุม Cloud Infrastructure, Modernized Architecture, AI & Automation และ Business Intelligence Tools มาเสริมประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความยืดหยุ่นของแพลตฟอร์มการชำระเงิน ตามกลยุทธ์ที่ 1 เสริมความแข็งแกร่งให้กับโซลูชันหลักสำหรับลูกค้าองค์กร (Enterprise Payment Solutions)
กลยุทธ์ที่ 2 สร้างนวัตกรรมการชำระเงินเพื่อ 4 กลุ่มธุรกิจหลักของไทย และกลยุทธ์ที่ 3 ยกระดับศักยภาพ SME ด้วยแพลตฟอร์มระดับองค์กร ผ่าน qwik by 2C2P โดยมีเป้าหมายให้ SME ใช้งานแอปพลิเคชั่นนี้ 10,000 รายใน 1 ปี จากการเปลี่ยนสมาร์ตโฟนของร้านค้าให้เป็นเครื่องรับชำระเงินเสมือน ร้านค้าจะไม่มีต้นทุนฮาร์ดแวร์ หรือค่าสมัคร ร้านค้าจะมีค่าใช้จ่ายก็ต่อเมื่อเกิดรายการขึ้นจริง จึงต้องจ่ายค่าธรรมเนียม MDR: Merchant Discount Rate ตามปกติ
ฌอน เติง กรรมการบริหาร หัวหน้าฝ่าย Global Business Development อธิบายว่า qwik เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะเปิดประตูให้ 2C2P ขยายกลุ่มลูกค้าเข้าสู่ SME ขนาดกลางและขนาดใหญ่ และ Offline Payment เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตมาเพื่อ SME ให้มีศักยภาพการรับชำระเงินเทียบเท่าองค์กรขนาดใหญ่ โดยร้านค้าไม่ต้องลงทุนเพิ่ม ด้วยระบบที่เสถียรตลอดเวลา ถึง 99.9% ด้วยแอปเดียวจะรับชำระได้ทั้งระบบ Domestic Payment และ Tourist Payment
วารินทร์ อัจฉริยะกุลพร กรรมการบริหาร หัวหน้าฝ่าย Enterprise Business Development บอกว่า จุดเด่นบริการของบริษัท เช่น มุ่งการรักษาความปลอดภัยสูงสุด (PCI DSS, ISO 27001 และ 27701), Multi-currency Pricing การันตีว่าร้านค้าได้รับเงินสกุลบาทเท่าเดิมแม้ผู้ซื้อจ่ายด้วยสกุลอื่น, Card Tokenization บันทึกเลขบัตรแบบนิรภัยและอัปเดตวันหมดอายุอัตโนมัติ, Click to Pay ลูกค้าเก็บข้อมูลบัตรไว้ที่ 2C2P แห่งเดียว เพื่อความสะดวกในการจ่ายหลายร้านค้า, และ Fraud Monitoring Tool เพื่อติดตามและบล็อกรายการที่น่าสงสัยในทันที เช่น การตรวจจับพฤติกรรมการแบ่งรายการเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ
เปลี่ยนโลโก้ใหม่เน้นเชื่อมโยง
พร้อมกันนี้ บริษัทได้ปรับเปลี่ยนโลโก้ใหม่ เน้นการเชื่อมโยง (Connection) โดยดีไซน์ตัว C กับเลข 2 ให้เหมือนตะขอเกี่ยวกัน เพื่อสื่อถึงการเชื่อมโยงผู้คน ธุรกิจ ผู้ซื้อ และผู้ขาย พร้อมประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ ประกอบด้วย 1. Trust (ความน่าเชื่อถือ) 2. Innovative (นวัตกรรม) 3. Inclusive (การครอบคลุมทุก segment) และ 4. Sustainable Growth (การเติบโตอย่างยั่งยืน) ควบคู่กับพันธกิจที่เน้น Empower (เพิ่มศักยภาพ) ธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทุกขนาดไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก ด้วยบริการทางการเงินที่ครบวงจรและปลอดภัยสูง (Secure Financial Solution)
ปัจจุบัน บริษัทมีสำนักงานใน 7 ประเทศ ทั้งไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และฮ่องกง ทั้งยังทำตลาดมากกว่า 20 ประเทศ มีพนักงานกว่า 500 คน และเป็นพันธมิตรกับสถาบันการเงิน (FI Partner) มากกว่า 30 แห่ง รองรับวิธีการชำระเงินมากกว่า 400 รูปแบบ รวมถึงบัตรเครดิต บัตรเดบิต QR พร้อมเพย์ e-Wallet ระบบผ่อนชำระ และ Buy Now Pay Later โดยมีบริการหลัก 4 กลุ่ม คือ Payment, e-Wallet, บริการชำระเงิน/โอนเงินระหว่างประเทศ (Remittance), และเป็นตัวแทนรับชำระ Bill Payment
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
KResearch เตือน: ยานยนต์ไทยถึงจุดเปลี่ยน ‘ภาษีทรัมป์-EV จีน-Net Zero’ รุมท้าทายฐานผลิตโลก
SCGP กาง 3 กลยุทธ์: ซื้อกิจการอินโดฯ – ลดพึ่งจีน – ลุย Healthcare
