Share on
×

Share

ดีอีลุยปิดตาย ‘ซิมผี’ บังคับใช้ Liveness สแกนหน้า คุมเข้ม Sim Box สกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ดีอีลุยปิดตาย 'ซิมผี' บังคับใช้ Liveness สแกนหน้าคุมเข้ม Sim Box สกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เดินหน้ามาตรการเชิงรุกครั้งสำคัญ เพื่อปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเน้นการบูรณาการความร่วมมือกับ กสทช., ผู้ให้บริการโทรคมนาคม ธนาคาร และกรมศุลกากร เพื่อสกัดกั้นช่องโหว่ทางเทคนิคที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้หลอกลวงประชาชน

ไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 7/2568 ว่า หัวใจหลักของการทำงานชุดนี้คือการปิดตายช่องโหว่ของการลงทะเบียนซิมการ์ด การควบคุมอุปกรณ์ Sim Box อย่างเข้มงวด และการยกระดับการยืนยันตัวตนด้วยเทคโนโลยี Liveness เพื่อสร้างมาตรฐานสูงสุดในการพิสูจน์ตัวตน ป้องกันการสวมรอย

ยกระดับ KYC และควบคุม Sim Box ตัดวงจรการใช้ซิมผี

หนึ่งในมาตรการสำคัญเพื่ออุดรอยรั่วการใช้ซิมเถื่อนหรือซิมผีในการก่ออาชญากรรมออนไลน์ คือการยกระดับมาตรฐานการยืนยันตัวตน (KYC) ควบคู่ไปกับการควบคุมอุปกรณ์ Sim Box อย่างเข้มงวด

รมว.ไชยชนกชี้แจงว่า กสทช. ได้ประกาศนโยบายใหม่ที่ขยายการควบคุม Sim Box ให้ครอบคลุมไปถึงชิ้นส่วนประกอบ จากเดิมที่จำกัดเฉพาะเครื่องที่ประกอบสมบูรณ์แล้ว การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นการปิดช่องว่างสำคัญที่ผู้กระทำผิดเคยใช้ลักลอบนำเข้าและประกอบอุปกรณ์เหล่านี้เพื่อใช้ในการส่งสัญญาณหลอกลวง เพื่อสนับสนุนการปราบปรามเชิงรุก กระทรวงดีอีได้ประสานขอข้อมูลการซื้อขายและการนำเข้า-ส่งออก Sim Box ย้อนหลังที่มีข้อมูลตำแหน่ง (โลเคชัน) จากกรมศุลกากร เพื่อให้ตำรวจใช้ประกอบการดำเนินงานร่วมกับข้อมูลเส้นทางการเงินจากธนาคาร

ในขณะเดียวกัน มาตรฐานการยืนยันตัวตนได้ถูกยกระดับด้วยการประกาศใช้มาตรการ Liveness เพื่อเพิ่มความละเอียดและแม่นยำในการตรวจสอบ KYC มาตรการนี้รวมถึงการสแกนใบหน้า และการยืนยันตัวตนด้วย Chip and Pin ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยสุทธิศักดิ์ตันตะโยธิน รองเลขาธิการ กสทช. ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า เทคโนโลยี Liveness นี้เป็นมาตรฐานเดียวกับการสแกนใบหน้าที่ธนาคารใช้ในการทำธุรกรรมโอนเงิน เพื่อสร้างความมั่นใจและความถูกต้องสูงสุดในการพิสูจน์ตัวตน

นอกจากมาตรการหลักทั้งสองแล้ว ยังมีการปิดช่องโหว่ทางเทคนิคที่ถูกค้นพบ ระบบการตรวจสอบที่เรียกว่า 2-chat ซึ่งเคยเป็นช่องโหว่ ได้ถูกระงับและปิดการใช้งานอย่างถาวรโดยผู้ให้บริการเครือข่าย ยิ่งไปกว่านั้น ยังพบการกระทำผิดในรูปแบบการกรอกข้อมูลเลขประจำตัว 13 หลัก โดยมีการกรอกข้อมูลอื่นเพิ่มเติมด้านหลังตัวเลข ซึ่งส่งผลให้ระบบเก็บข้อมูลเกิดความคลาดเคลื่อน และเป็นช่องทางให้ผู้กระทำผิดสามารถหลีกเลี่ยงการจำกัดปริมาณการถือครองซิมต่อบุคคลได้

จัดการลูกตู้และนิติบุคคล อุดรอยรั่วการกระจายซิม

ปัญหาการถือครองซิมการ์ดจำนวนมากโดยกลุ่มมิจฉาชีพ กำลังถูกจัดการผ่านการจัดระเบียบช่องทางการจำหน่าย โดยเฉพาะกลุ่มตัวแทนจำหน่ายซิมรายย่อย หรือที่รู้จักกันในชื่อ ลูกตู้ ซึ่งเป็นช่องทางที่ก่อนหน้านี้มีการกำกับดูแลไม่ทั่วถึง

รมว.ดีอี กล่าวว่า ตัวแทนจำหน่ายรายย่อยเหล่านี้จะต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบและมาตรฐานเดียวกับศูนย์บริการหลักของเครือข่าย นั่นคือ ต้องมีระบบยืนยันตัวตนในรูปแบบ Chip and Pin หรือมีระบบออนไลน์และแอปพลิเคชันที่ได้มาตรฐานเดียวกัน

ผลกระทบสำคัญของมาตรการนี้คือ หากตัวแทนจำหน่ายรายย่อยใดที่ยังไม่มีระบบดังกล่าวติดตั้ง จะยังคงได้รับอนุญาตให้ขายซิมการ์ดได้ตามปกติ แต่จะไม่สามารถดำเนินการลงทะเบียนเพื่อเปิดใช้งานซิมให้กับลูกค้าได้อีกต่อไป

ด้านรองเลขาธิการ กสทช. ระบุว่า มาตรการนี้ส่งผลให้ตัวแทนจำหน่ายที่ไม่มีกระบวนการที่ได้มาตรฐานต้องหยุดให้บริการลงทะเบียนซิมไปก่อนในทางปฏิบัติ ขณะเดียวกัน ผู้ให้บริการเครือข่ายจะให้ความร่วมมือในการเชื่อมโยงข้อมูลรายละเอียดการขายซิมทั้งหมด เช่น พื้นที่และเบอร์โทรศัพท์ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อใช้ในการตรวจสอบย้อนกลับในกรณีที่ซิมถูกนำไปลงทะเบียนอย่างไม่ถูกต้องและนำไปใช้กับบัญชีม้า

นอกจากช่องทางรายย่อยแล้ว ยังมีการระบุถึงอีกหนึ่งช่องโหว่สำคัญ คือการลงทะเบียนซิมในนามนิติบุคคลหรือบริษัท ซึ่งถูกตรวจพบว่าสามารถใช้เป็นช่องทางในการลงทะเบียนซิมล่วงหน้าได้ในปริมาณมาก และถูกกลุ่มอาชญากรใช้เป็นช่องทางในการหลีกเลี่ยงกฎหมาย สำหรับประเด็นนี้ กสทช. และผู้ให้บริการเครือข่าย จะเร่งนำเสนอแนวทางแก้ไขที่ชัดเจนเพื่อตรวจสอบและจัดการปัญหาในส่วนนี้ในสัปดาห์หน้า

กสทช. และโอเปอเรเตอร์จะเร่งนำเสนอ Solution ที่เด็ดขาดเพื่อมอนิเตอร์และจัดการปัญหาส่วนนี้ในสัปดาห์หน้า

เปิดสถิติความเสียหายสถานการณ์ยังน่าห่วง

แม้จะมีความพยายามในการเร่งปราบปราม แต่อสถานการณ์อาชญากรรมออนไลน์ในปัจจุบันยังคงน่ากังวล พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ได้ให้ข้อมูลเชิงลึกว่า แม้สถิติการกระทำผิดจะมีแนวโน้มลดลงในบางวัน แต่ภาพรวมยังขาดความสม่ำเสมอ

ปัจจุบันยังคงมีการตรวจพบการเกิดคดีใหม่ประมาณ 1,000 กว่าคดีต่อวัน สร้างความเสียหายรวมต่อวันคิดเป็นมูลค่าเกือบ 100 ล้านบาท

เมื่อวิเคราะห์ช่องทางที่มิจฉาชีพใช้เข้าถึงเหยื่อ พบว่าช่องทางอันดับหนึ่งคือแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 600 กว่าคดีต่อวัน ขณะที่ประเภทคดีที่สร้างความสูญเสียทางมูลค่าสูงสุด คือการหลอกลวงให้ลงทุน ซึ่งยังคงเป็นสัดส่วนหลักของความเสียหายทั้งหมด

พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หัวหน้าศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ ยืนยันว่า การทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนได้เร่งรัดในทุกมิติ ทั้งการป้องกัน การปราบปราม การปรับนโยบาย และการปิดช่องโหว่ ซึ่งจนถึงปัจจุบันสามารถติดตามและอายัดเงินคืนให้ผู้เสียหายได้แล้วเป็นหลักร้อยล้านบาท

ดีอีชี้แจงประเด็นการเมืองยืนยันการทำงานปราบปรามต่อเนื่อง

รมว.ดีอี ได้ใช้โอกาสนี้ชี้แจงต่อข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านที่ตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลอาจไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหาสแกมเมอร์ โดยยืนยันว่า หน่วยงานที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลได้ทำงานอย่างเต็มที่ ทั้งในและนอกเวลาราชการ และจะยังคงดำเนินการปราบปรามต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ท่านได้เน้นย้ำถึงความร่วมมือที่ได้รับจากสถาบันการเงินและผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ในการส่งมอบข้อมูลเส้นทางการเงิน เพื่อสนับสนุนการทำงานเชิงรุกของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

สำหรับกรณีที่มีประเด็นทางการเมืองว่ามีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี ได้เรียกร้องให้ผู้ที่มีข้อมูลชัดเจนในเรื่องดังกล่าว นำส่งข้อมูลมาให้ตนโดยตรง เพื่อจะได้ดำเนินการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ภายใต้อำนาจหน้าที่ที่มี พร้อมยืนยันว่า ข้อมูลรายชื่อที่เคยได้รับมาก่อนหน้านี้ ก็อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบควบคู่กันไปในหลายส่วนแล้ว

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

เริ่มใช้ AI ยังไง? ‘ดร.ธนชาติ’ ย้ำ ไม่ต้องเรียน ‘Prompt’ แค่ ‘ลงมือทำ’

มจธ. คว้าแชมป์ Ford Smart Mobility Challenge พลิกขยะเป็นแบตเตอรี่

กางแผน 3 ยักษ์ใหญ่ กปท.-NT-กสทช. ปั้นโดรนขนส่งไทย คาดชัดใน 1 ปี

×

Share

ผู้เขียน