Share on
×

Share

ทรู คอร์ปอเรชั่น จ่ายเงินปันผล 6.6 พันล้านบาท หลังทำกำไรต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน

ทรู คอร์ปอเรชั่น จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 6.6 พันล้านบาท หลังทำกำไรต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ปี 2568 กำไรสุทธิหลังหักภาษี (NPAT) จำนวน 1.6 พันล้านบาท นับเป็นการทำกำไรติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สาม ส่งผลให้คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่าย เงินปันผลระหว่างกาลครั้งแรก แก่ผู้ถือหุ้นเป็นจำนวนรวม 6.6 พันล้านบาท

หากไม่รวมผลกระทบจากรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว (One-Time Non-Cash) กำไรสุทธิหลังปรับปรุงรายการพิเศษ (Normalized Net Profit) ของบริษัทฯ อยู่ที่ 4.6 พันล้านบาท ขณะที่ EBITDA อยู่ที่ 2.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักจากการได้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

มอบผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น พร้อมรักษาการเติบโต

ซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “การทำกำไรที่แข็งแกร่งขึ้นจากการปรับตัวดีขึ้นของ EBITDA และการบริหารการเงินอย่างมีวินัย เป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ลูกค้าและผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน หมุดหมายสำคัญคือการจ่ายเงินปันผลครั้งแรกให้ผู้ถือหุ้น เรายังคงมุ่งมั่นตามลำดับความสำคัญที่ชัดเจน เพื่อเสริมสร้างรากฐานทางธุรกิจให้มั่นคง และมองหาโอกาสการเติบโตในอนาคต โดยล่าสุดได้ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์และคลาวด์”

นกุล เซห์กัล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) กล่าวเสริมว่า “ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิหลังหักภาษี 5.2 พันล้านบาท การอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจำนวน 6.6 พันล้านบาท คิดเป็น 0.19 บาทต่อหุ้น หรืออัตราการจ่ายปันผลเท่ากับ 125% ยืนยันความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการส่งมอบผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น ควบคู่กับการรักษาวินัยทางการเงินและการเติบโตอย่างมีกำไร”

ผลประกอบการและกลยุทธ์การดำเนินงาน

ทรู คอร์ปอเรชั่น จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 6.6 พันล้านบาท หลังทำกำไรต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน

แม้ภาพรวมรายได้รวมจะชะลอตัวลง 7.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จากผลกระทบภาวะเศรษฐกิจและจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง รวมถึงการลดลงของรายได้ค่าเช่าโครงข่ายตามการสิ้นสุดสัญญา แต่ผลกำไรได้รับประโยชน์จากการบริหารต้นทุนอย่างมีวินัย:

  • EBITDA และต้นทุน: EBITDA เพิ่มขึ้น 7.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยได้แรงหนุนจากการจัดสรรคลื่นความถี่ และการประหยัดต้นทุนจากการดำเนินการพัฒนาโครงข่ายให้ทันสมัย (Network Modernization) ทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (ไม่รวม D&A) ลดลง 21.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
  • ฐานลูกค้า: จำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่อยู่ที่ 46.9 ล้านเลขหมาย ลดลง 4.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากบริษัทฯ มุ่งเน้นการสร้างฐานผู้ใช้บริการที่มีคุณภาพและลดการเพิ่มผู้ใช้งานแบบหมุนเวียน (Rotational Gross Adds) ขณะที่ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตบ้านเพิ่มขึ้น 2.0% อยู่ที่ 3.8 ล้านราย โดยมีผู้ใช้บริการ 5G อยู่ที่ 15.5 ล้านราย
  • รายได้จากการให้บริการ (ไม่รวม IC): อยู่ที่ 4.13 หมื่นล้านบาท ลดลง 0.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

เจาะ 4 พลังซื้อใหม่ 2026 ‘Soloist – Kidult’ ขับเคลื่อนตลาด

TikTok Shop 360 องศา: ‘ความจริงใจ’ สูตรเร่งยอดขาย ชนะการตลาดเดิม

×

Share

ผู้เขียน