Share on
×

Share

พลิกเกมข้าวไทย ส่ง ‘พันธุ์หอมสยาม’ สู้ตลาดโลก ลดต้นทุนส่งออก-เพิ่มรายได้ชาวนา

พลิกเกมข้าวไทย ส่ง 'พันธุ์สยาม' สู้ตลาดโลก ลดต้นทุนส่งออก-เพิ่มรายได้ชาวนา

ท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันในตลาดข้าวโลกที่นับวันจะยิ่งดุเดือด โดยมีต้นทุนเป็นหัวใจสำคัญในการแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด ประเทศไทยกำลังเผชิญโจทย์ใหญ่ที่ขัดแย้งกันภายใน นั่นคือ ทำอย่างไรให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ในขณะที่ผู้ส่งออก โรงสี และผู้ผลิตข้าวถุง สามารถเข้าถึงวัตถุดิบในราคาที่ต่ำพอจะแข่งขันในตลาดโลกได้

ดร.มีชัย เซี่ยงหลิว นักวิจัยไบโอเทค สวทช. ได้กางโจทย์หลักนี้ออกท่ามกลางวงสนทนาที่มีผู้เกี่ยวข้องครบทุกภาคส่วน ตั้งแต่เกษตรกร ผู้ส่งออก ไปจนถึงผู้บริหาร โดยชี้ว่าคำตอบของสมการที่ซับซ้อนนี้ อยู่ที่การพัฒนาพันธุ์ข้าว ซึ่งเป็นต้นน้ำที่แท้จริง

‘สยาม’ และ ‘หอมสยาม 2’ : ทางเลือกใหม่ท้าชนมะลิ 105

ไฮไลต์สำคัญของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือการเปิดตัวพันธุ์ข้าวทางเลือกใหม่ ที่มุ่งแก้ปัญหาของข้าวหอมมะลิ 105 ซึ่งครองตลาดมายาวนาน แต่มีจุดอ่อนสำคัญคือผลผลิตต่อไร่ต่ำ (ประมาณ 400-430 กิโลกรัมต่อไร่) อีกทั้งยังอ่อนไหวต่อสภาพอากาศ โดยเฉพาะลมพัดแรงที่อาจสร้างความสูญเสียได้ถึง 30% และโรคไหม้คอรวง

สองพันธุ์ข้าวใหม่ที่ถูกนำเสนอในฐานะอนาคต ได้แก่

  • พันธุ์หอมสยาม: ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาหลักของเกษตรกรโดยตรง มีจุดเด่นที่ระบบรากซึ่งทนทานต่อสภาวะนาแล้งหรือน้ำน้อยได้ดีกว่า และให้ผลผลิตสูงมาก โดยในสภาพวิกฤติแล้งจัดที่พันธุ์มะลิ 105 อาจให้ผลผลิตเพียง 300 กิโลกรัมต่อไร่ แต่พันธุ์หอมสยามกลับให้ผลผลิตได้ถึง 700 กิโลกรัมต่อไร่ หรือเทียบเท่า 2 เท่าของผลผลิตข้าวหอมมะลิในภาวะปกติ (ประมาณ 800 กิโลกรัมต่อไร่)
  • พันธุ์หอมสยาม 2: เป็นลูกผสมของข้าวหอมมะลิ 105 ที่ตั้งเป้าหมายด้านคุณภาพดีเยี่ยม และรสชาติที่ใกล้เคียงมะลิ 105 มากที่สุด โดยมีโครงสร้างแป้งที่เหมือนกันถึง 99% พันธุ์นี้ให้ผลผลิตสูงกว่ามะลิ 1.5 เท่า (ประมาณ 650 กิโลกรัมต่อไร่) และมีคุณสมบัติพิเศษคือทนน้ำท่วม สามารถอยู่ใต้น้ำได้นาน 7 วัน ถึง 1 เดือน

ปลดล็อกสมการรายได้: เกษตรกรได้เพิ่มผู้ส่งออกแข่งได้

การมาถึงของพันธุ์ข้าวใหม่เหล่านี้ คือคำตอบของโจทย์เศรษฐกิจที่ค้างคาใจมานาน โมเดลที่ถูกนำเสนอ ชี้ให้เห็นว่า แม้ผู้ประกอบการจะรับซื้อข้าวพันธุ์ใหม่ในราคาที่ต่ำกว่าข้าวหอมมะลิ 105 แต่เกษตรกรจะมีรายได้ต่อไร่สูงขึ้นอย่างชัดเจน

ตัวอย่างการคำนวณรายได้ต่อไร่

  • ข้าวหอมมะลิ 105: ผลผลิต 430 กก./ไร่ x ราคา 13 บาท/กก. = รายได้ ~5,000 บาท/ไร่
  • พันธุ์หอมสยาม: ผลผลิต 800 กก./ไร่ x ราคา 10 บาท/กก. = รายได้ 8,000 บาท/ไร่
  • พันธุ์หอมสยาม 2: ผลผลิต 650 กก./ไร่ x ราคา 10 บาท/กก. = รายได้ ~6,000 กว่าบาท/ไร่

โมเดลนี้สร้างสถานการณ์ที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น ขณะที่โรงสีและผู้ส่งออกได้ต้นทุนวัตถุดิบที่ต่ำลง ทำให้มีส่วนต่าง (Margin) เพียงพอที่จะแข่งขันในตลาดโลกที่นิ่งและเน้นการแข่งขันด้านราคาได้

ต่อยอดนวัตกรรม: สู่ข้าวเพื่ออุตสาหกรรมและรับมือการเปลี่ยนแปลง

นอกจากการปฏิวัติตลาดข้าวหอมแล้ว งานวิจัยยังครอบคลุมการพัฒนาพันธุ์ข้าวในมิติอื่น ๆ เพื่อตอบโจทย์ที่หลากหลายขึ้น

  • ไรซ์เบอร์รี่ 2: พัฒนาต่อจากพันธุ์เดิม ให้ผลผลิตสูงกว่าเดิม 1.5 เท่า และเพิ่มความทนทานต่อโรคใบแห้ง
  • ข้าวเหนียวนาคา: มุ่งเป้าไปที่ตลาดอุตสาหกรรม เช่น ทำข้าวคั่ว เป็นพันธุ์ที่ปลูกง่าย
  • ข้าวเหนียว กข6 (ปรับปรุง): แก้ปัญหาการหักล้มของต้นข้าวเดิม และต้านทานโรคไหม้ได้ดีขึ้น
  • ข้าวทนเค็ม: ออกแบบมาเพื่อพื้นที่ที่มีปัญหาดินเค็มในภาคอีสาน (เช่น แอ่งกระทะสกลนคร) และพื้นที่ชายฝั่งที่น้ำทะเลรุกเข้ามา (เช่น เพชรบุรี, พัทลุง)

ข้าวไทยในยุคโลกร้อน: ลดมีเทนรับมือวิกฤติภูมิอากาศ

ประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคือการปรับตัวของภาคเกษตรกรรมข้าวต่อปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ปัจจุบันมีการวิจัยเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และมีเทนในนาข้าว หนึ่งในแนวทางคือการจัดการน้ำแบบเปียกสลับแห้ง (เก็บสับแท้ง) ซึ่งผลการทดลองเบื้องต้นพบว่าสามารถลดการปล่อยก๊าซได้ถึง 40% อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ยังทำได้ยากในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศที่เป็นนาน้ำฝน (80%)

เป้าหมายในอนาคตที่ท้าทายกว่านั้น คือการพัฒนาพันธุ์ข้าวที่มีคุณสมบัติปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำในตัวเอง (ตากใบ ตาก) ไม่ว่าเกษตรกรจะปลูกในนาน้ำฝนหรือนาชลประทาน พันธุ์ข้าวเหล่านี้จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้โดยตรงจากพันธุกรรมของมันเอง

ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดและตลาดส่งออกที่ไทยต้องพึ่งพาเป็นหลัก ประเทศไทยกำลังพยายามสร้างทางเลือกใหม่ ๆ โดยใช้องค์ความรู้และนวัตกรรมพันธุ์ข้าวเป็นธงนำ เพื่อสร้างความมั่นคงทางรายได้ให้เกษตรกร และรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไว้ในเวทีโลก

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

นาโนเทค เปิดตัว ‘ไบโอชาร์’ นวัตกรรมพลิกของเหลือเกษตร สู่ ‘วัสดุคาร์บอนหมุนเวียน’

Nano Thailand 2025 ชูยุทธศาสตร์ ‘ออกจากหิ้ง’ สู่เชิงพาณิชย์ เร่งความร่วมมือระดับโลก

×

Share

ผู้เขียน