Share on
×

Share

BOI อัดฉีด 5 พันล้าน อัปเกรดธุรกิจ-ปั้นบุคลากรทักษะสูง 1 แสนคน

BOI อัดฉีด 5 พันล้าน อัปเกรดธุรกิจ-ปั้นบุคลากรทักษะสูง 1 แสนคน

บอร์ดเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายประเดิมประชุมครั้งแรกในรัฐบาลชุดใหม่ ไฟเขียว 2 มาตรการสำคัญ อัดฉีดงบ 5,000 ล้านบาท จากกองทุน BOI เพื่อขับเคลื่อนการลงทุนเพื่ออนาคต

นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ระบุว่า มาตรการดังกล่าวพุ่งเป้าอัปเกรดผู้ประกอบการไทยให้แข่งขันได้ในโลกยุคใหม่ และสร้างบุคลากรทักษะสูง 1 แสนคน เพื่อป้อนอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยมีกลไกแก้จุดอ่อนเรื่องสภาพคล่องให้ SME และอุดช่องโหว่ปัญหาคนไม่ตรงกับงาน

“ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันฯ ในการประชุมครั้งแรกของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้อนุมัติ 2 มาตรการสำคัญ เพื่อขับเคลื่อนการลงทุนเพื่ออนาคต โดยใช้งบประมาณเบื้องต้นรวม 5,000 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการอัปเกรดผู้ประกอบการไทย และสร้างบุคลากรทักษะสูง เพื่อแก้ปัญหาที่ภาคธุรกิจกำลังเผชิญ”

ประเด็นสำคัญของมาตรการชุดนี้ไม่ใช่แค่การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแบบเดิม แต่เป็นการอัดฉีดเงินทุนสนับสนุนโดยตรงจากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ BOI เพื่อจูงใจให้เกิดการปรับตัวอย่างเร่งด่วน

มาตรการที่ 1: อัดฉีด 3 พันล้านอัปเกรดธุรกิจไทยแก้โจทย์ขาดสภาพคล่อง

มาตรการแรกตั้งเป้าสนับสนุนผู้ประกอบการไทย ซึ่งหมายถึงบริษัทที่มีคนไทยถือหุ้นเป็นส่วนใหญ่ ให้สามารถปรับตัวและแข่งขันในโลกยุคใหม่ได้ โดยจัดสรรวงเงินเบื้องต้นไว้ 3,000 ล้านบาท

ไฮไลต์สำคัญคือการแก้ปัญหาจุดติดขัดด้านสภาพคล่องของผู้ประกอบการ ตามปกติเกณฑ์ของ BOI บริษัทต้องลงทุนให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จึงจะนำหลักฐานมาเบิกเงินสนับสนุนได้ จุดนี้ทำให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SME อาจไม่มีเงินทุนหมุนเวียนมากพอที่จะเริ่มโครงการปรับปรุง

มาตรการใหม่นี้จึงออกแบบกลไกสินเชื่อเชื่อมโยง หรือ Bridging Loan โดยร่วมมือกับสมาคมธนาคารไทย กล่าวคือ เมื่อบริษัทได้รับอนุมัติจาก BOI แล้ว สามารถเดินไปหาธนาคารที่เข้าร่วมเพื่อขอสินเชื่อระยะสั้นสำหรับใช้ลงทุนก่อน ธนาคารจะมีความมั่นใจในการปล่อยกู้เพราะรู้ว่ามีเงินสนับสนุนจาก BOI รออยู่ และเมื่อโครงการเสร็จสิ้น เงินสนับสนุนที่เบิกได้จาก BOI ก็จะถูกนำไปชำระคืนสินเชื่อธนาคารโดยตรง

สำหรับรายละเอียดและเงื่อนไขการสนับสนุนนั้น BOI จะสนับสนุนเงินทุน 30-50% ของเงินลงทุนที่ใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพ โดยมีวงเงินสูงสุดไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อบริษัท ขอบเขตการลงทุนจะครอบคลุม 3 ด้านหลัก ได้แก่ การปรับปรุงประสิทธิภาพกิจการเดิมด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ระบบอัตโนมัติ หรือดิจิทัล ค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) และการเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ รวมถึงอุตสาหกรรมสีเขียว

มาตรการนี้จะครอบคลุมอุตสาหกรรมเป้าหมายหลายสาขา ตั้งแต่เกษตร อาหาร เทคโนโลยีชีวภาพ การแพทย์ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ ไปจนถึงอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดเงื่อนไขการลงทุนขั้นต่ำที่แตกต่างกัน โดย SME ที่ขึ้นทะเบียน SME ID กับ สสว. ต้องลงทุนไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท ขณะที่บริษัททั่วไปต้องลงทุนไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท ด้านกรอบเวลา ผู้ประกอบการต้องยื่นคำขอภายในเดือนมกราคม 2569 และต้องลงทุนให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี นับตั้งแต่ออกบัตรส่งเสริม ซึ่งถือเป็นมาตรการเร่งรัด จากปกติที่ให้เวลา 3 ปี

มาตรการที่ 2: ทุ่ม 2 พันล้านปั้น 1 แสนคนทักษะสูงอุดช่องโหว่ Skill Mismatch

มาตรการที่สองมีเป้าหมายชัดเจนเพื่อสร้างคน รองรับอุตสาหกรรมใหม่ที่กำลังเข้ามาลงทุนในไทยจำนวนมาก เช่น เซมิคอนดักเตอร์ แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ หรือ PCB, EV แบตเตอรี่ดิจิทัล และ AI ซึ่งปัจจุบันกำลังประสบปัญหา Skill Mismatch หรือภาวะที่บุคลากรเดิมในตลาดมีทักษะไม่เพียงพอหรือไม่ตรงจุด

รัฐบาลจึงตั้งเป้าสร้าง Talent Pool ขนาดใหญ่จำนวนไม่ต่ำกว่า 100,000 คน เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน โดยจัดสรรวงเงินเบื้องต้นไว้ 2,000 ล้านบาท

จุดเด่นของมาตรการนี้คือการสนับสนุนแบบเต็มที่และตรงจุด โดยมีเป้าหมาย 100,000 คน แบ่งเป็นนักศึกษาใกล้จบหรือบัณฑิตจบใหม่ 30,000 คน และบุคลากรที่อยู่ในตลาดแรงงานปัจจุบันอีก 70,000 คน

กลไกคือ กองทุนฯ จะให้เงินสนับสนุนแก่ผู้จัดฝึกอบรมซึ่งอาจเป็นมหาวิทยาลัย สถาบันเทรนนิ่ง หรือบริษัท Tech Company ที่มีหลักสูตรฝึกอบรม ในด้านการสนับสนุน รัฐบาลจะช่วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม 100% และยังครอบคลุมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพื่อสร้างแรงจูงใจสูงสุด ได้แก่ ค่าเดินทางของผู้เข้าอบรม ค่าเบี้ยเลี้ยงระหว่างฝึกงานจริงในโรงงาน และค่าตอบแทนผู้ดูแลการฝึกงาน

ด้านการควบคุมคุณภาพ จะเป็นการทำงานร่วมกัน 3 ฝ่าย คือ BOI, กระทรวง อว. ซึ่งเป็นฝั่ง Supply และภาคเอกชน ซึ่งเป็นฝั่ง Demand เช่น สภาอุตสาหกรรม หอการค้า เพื่อให้หลักสูตรตอบโจทย์อุตสาหกรรมจริง หลักสูตรที่ใช้ต้องเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสมัยใหม่หรือองค์ความรู้ขั้นสูง และต้องได้รับการรับรองจากคณะกรรมการที่กระทรวง อว. แต่งตั้ง โดยจะอยู่บนแพลตฟอร์ม Stem Plus Plus

นอกจากนี้ นายกฯ ได้สั่งการให้เชื่อมโยงกับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ หรือ TPQI เพื่อเข้ามาช่วยรับรอง หรือ Certify ผู้ที่ผ่านการอบรม ให้พร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงานได้ทันที รูปแบบการอบรมจะมีทั้งหลักสูตรเข้มข้นแบบ Boot Camp, Onsite, Online และการฝึกปฏิบัติงานจริงในโรงงาน หรือ Internship ส่วนกรอบเวลา ต้องยื่นคำขอภายในเดือนมกราคม 2569 และต้องจัดฝึกอบรมให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน นับตั้งแต่ออกบัตรส่งเสริม

ทั้งสองมาตรการนี้ถูกกำหนดให้เป็นมาตรการเร่งรัด โดยมีกรอบเวลาการยื่นคำขอที่ชัดเจนภายในเดือนมกราคม 2569 สะท้อนถึงเป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น ควบคู่ไปกับการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันระยะยาวให้กับประเทศ การเดินหน้าครั้งนี้จึงเป็นการแก้ปัญหาสำคัญสองด้านพร้อมกัน ทั้งการอุดหนุนเพื่อการปรับตัวของผู้ประกอบการ และการสร้างทรัพยากรบุคคลทักษะสูง เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมไทยสามารถเติบโตและแข่งขันได้ในยุคใหม่

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

สูตรสำเร็จ One Person Business โดย กษิดิศ DataRockie

พ.ร.บ.โลกร้อน สร้างดีมานด์แรงงานสิ่งแวดล้อม 50,000 ตำแหน่ง GCC จับมือสถาบันการศึกษาพัฒนาหลักสูตร

×

Share

ผู้เขียน