Share on
×

Share

SCB WEALTH เบรก ‘อย่าจับจังหวะ’ ซื้อกองทุนภาษีชี้เน้น ‘เวลา-วินัย’ สู้ผันผวน

SCB WEALTH เบรก 'อย่าจับจังหวะ' ซื้อกองทุนภาษีชี้เน้น 'เวลา-วินัย' สู้ผันผวน

SCB WEALTH ออกโรงเตือนนักลงทุนท่ามกลางภาวะตลาดการเงินโลกผันผวนสูง ทั้งจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ปัญหาหนี้สาธารณะในประเทศเศรษฐกิจหลัก และการที่สินทรัพย์หลายประเภทปรับตัวขึ้นแรงจากความคาดหวังเรื่องการลดดอกเบี้ย แนะกลยุทธ์สำคัญในการลงทุนกองทุนลดหย่อนภาษีว่า “ไม่ได้อยู่ที่การจับจังหวะตลาด” แต่หัวใจคือ “ระยะเวลาการลงทุน และการสร้างวินัยทางการเงิน” เนื่องจากเป็นเครื่องมือสร้างความมั่งคั่งอย่างมีวินัยในระยะยาว

ศรชัย สุเนต์ตา CFA รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Wealth & Investment Product ธนาคารไทยพาณิชย์ ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการวางแผนเกษียณ โดยอ้างอิงข้อมูลจากกรมกิจการผู้สูงอายุ ที่ระบุว่าคนไทยมีแนวโน้มอายุยืนยาวขึ้น โดยคาดว่าในปี 2568 อายุขัยเฉลี่ยของคนไทยจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 85 ปี จากเดิมที่ 75 ปี ซึ่งหมายความว่าช่วงเวลาที่ต้องใช้เงินหลังเกษียณจะยาวนานมากขึ้น

“การจัดพอร์ตลงทุนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเกษียณจึงมีความสำคัญมากขึ้น” คุณศรชัยกล่าว

นักลงทุนสามารถปรับสัดส่วนให้เหมาะสมกับช่วงอายุ เช่น วัยเริ่มต้นทำงานมีเวลาลงทุนยาว สามารถรับความผันผวนสูงเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนสูงได้ แต่เมื่อใกล้เกษียณ ต้องหันมาเน้นการรักษามูลค่าเงินลงทุนและเลือกลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่ำมากขึ้น

SCB WEALTH จึงได้ออกแบบเมนูการลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษี 3 สไตล์ เพื่อตอบโจทย์นักลงทุนทุกกลุ่มตั้งแต่รุ่นใหม่จนถึงวัยใกล้เกษียณ

เมนูที่ 1: THE SIGNATURE CORE (เน้นมั่นคง)

ธีมการลงทุนนี้เน้นการปกป้องเงินต้นและลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพสูง (High-Quality Assets) เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันรับมือความผันผวน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนอย่างระมัดระวัง หรือผู้ที่ใกล้เกษียณอายุ ประกอบด้วย 3 กองทุนแนะนำ:

  1. SCBTB(ThaiESGA): ความเสี่ยงระดับ 4 (ปานกลางค่อนข้างต่ำ) เน้นลงทุนในตราสารเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green bond) ตราสารเพื่อความยั่งยืน (Sustainability bond) หรือตราสารส่งเสริมความยั่งยืน ไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยเป็นตราสารหนี้ชั้นดีทั้งภาครัฐและเอกชน
  2. SCBRMMONEY: ความเสี่ยงระดับ 1 (เสี่ยงต่ำ) ลงทุนในตราสารหนี้ไทยทั้งภาครัฐและเอกชน อายุเฉลี่ย 1-3 เดือน
  3. SCBRM1: ความเสี่ยงระดับ 4 เน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นคุณภาพดี เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก

เมนูที่ 2: THE PERFECT BLEND (เน้นสมดุล)

ธีมการลงทุนนี้เน้นความสมดุลอย่างลงตัว ระหว่างความมั่นคงและโอกาสเติบโต มุ่งเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่ช่วยเพิ่มโอกาสเติบโต ควบคู่กับสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงเพื่อลดความผันผวน เหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง แต่ต้องการสร้างสมดุลให้พอร์ต โดยเฉพาะคนที่ทำงานมาระยะหนึ่ง หรือมีครอบครัวต้องดูแล ประกอบด้วย 3 กองทุนแนะนำ

  1. SCBTM(ThaiESG): ความเสี่ยงระดับ 5 (ปานกลางค่อนข้างสูง) เป็นกองทุนผสมที่ลงทุนแบบยืดหยุ่นในหุ้นไทยและตราสารหนี้ไทยที่ยั่งยืน เพื่อลดความผันผวน
  2. SCBRMWORLD(A): ความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง) ลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่และขนาดกลางในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลก มุ่งสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนี MSCI World
  3. SCBGOLDHRMF: ความเสี่ยงระดับ 8 ลงทุนใน SPDR Gold Trust กองทุนทองคำแท่งที่ให้ผลตอบแทนใกล้เคียงราคาทองคำแท่งในตลาดโลก

เมนูที่ 3: THE GROWTH BOOSTER (เน้นเติบโต)

ธีมการลงทุนนี้มุ่งเน้นโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับความยั่งยืน ผ่านการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเช่น ตลาดหุ้น เหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง และมีเวลาสำหรับการลงทุนได้อีกในระยะยาว โดยเฉพาะกลุ่มที่เริ่มทำงานไม่นาน ประกอบด้วย 3 กองทุนแนะนำ:

  1. SCBTM(ThaiESG): ความเสี่ยงระดับ 5 (กองทุนผสมหุ้นไทยและตราสารหนี้ไทยที่ยั่งยืน)
  2. SCBRMS&P500: ความเสี่ยงระดับ 6 ลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนี S&P 500 ซึ่งสะท้อนราคาหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ 500 แห่งในสหรัฐฯ
  3. SCBRMNDQ: ความเสี่ยงระดับ 6 ลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนี NASDAQ 100 ซึ่งสะท้อนราคาหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นนำ 100 แห่งในสหรัฐฯ

สรุปเงื่อนไขสำคัญ ThaiESG และ RMF

คุณศรชัยกล่าวสรุปว่า การนำเสนอเมนูการลงทุนนี้ เพื่อให้ผู้ลงทุนบรรลุเป้าหมายการออมเงินระยะยาว และเป็นทางเลือกที่ให้ทั้งผลตอบแทนและสิทธิลดหย่อนภาษี โดยมีเงื่อนไขสำคัญที่ผู้ลงทุนต้องศึกษา ดังนี้:

กองทุน ThaiESG

  • วงเงิน: ซื้อได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ที่ต้องเสียภาษีต่อปี และสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท
  • ระยะเวลาถือครอง: ต้องถือครองไม่น้อยกว่า 5 ปี นับจากวันที่ซื้อ (แบบวันชนวัน)
  • เงื่อนไข: สิทธินี้ใช้ได้ตั้งแต่ปี 2567-2569 และไม่จำเป็นต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี

กองทุน RMF

  • วงเงิน: ซื้อได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ที่ต้องเสียภาษีต่อปี และสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท (เมื่อรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอื่นๆ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กบข., ประกันบำนาญ เป็นต้น)
  • ระยะเวลาถือครอง: ต้องลงทุนต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 ปีเต็ม และไม่สามารถขายคืนได้จนกว่าอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
  • เงื่อนไข: ต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี (สามารถเว้นได้ไม่เกิน 1 ปีติดต่อกัน)

คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน RMF, Thai ESG ก่อนตัดสินใจลงทุน กองทุนที่มีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนและไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนได้

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

BOI อัดฉีด 5 พันล้าน อัปเกรดธุรกิจ-ปั้นบุคลากรทักษะสูง 1 แสนคน

หลักทรัพย์บัวหลวง พลิกโฉมรีเสิร์ช ชู Data-Driven และข้อมูลปฐมภูมิ

×

Share

ผู้เขียน