ท่ามกลางกระแสความตื่นตัวด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่กำลังขับเคลื่อนโลก เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) กำลังเดินหน้าขยายการลงทุนครั้งใหญ่ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะจากกลุ่ม AI Data Center สะท้อนภาพความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศและโมเมนตัมของอุตสาหกรรมที่ยังคงแข็งแกร่ง
แจ็คกี้ จาง ประธานฝ่ายบริหารและปฏิบัติการ บริษัท เดลต้า อิเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยแผนการลงทุนที่ชัดเจน โดยระบุว่าบริษัทยังคงขยายโรงงานผลิตอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้เปิดโรงงานใหม่ 2 แห่งในพื้นที่เวลโกรว์ และกำลังจะเปิดเพิ่มอีก 2 โรงงานที่บางปูภายในปลายปีนี้ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าและตลาด
แต่การลงทุนไม่ได้หยุดอยู่แค่โรงงานผลิต เดลต้ากำลังก่อสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) แห่งที่ 2 ควบคู่ไปกับอาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ในพื้นที่บางปูเช่นกัน ทั้งหมดนี้คือการเตรียมความพร้อมสำหรับ “คลื่นลูกต่อไป” ของความต้องการที่สูงขึ้นจาก AI และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับดาต้าเซ็นเตอร์
ถอดรหัส “AI Boom” โมเมนตัมแรง 2-3 ปี
การลงทุนขนาดใหญ่ครั้งนี้ มีแรงขับเคลื่อนหลักมาจาก AI Data Center ที่กำลังขยายตัวอย่างมหาศาล วิคเตอร์ เจิ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดลต้า อิเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่าแนวโน้มคำสั่งซื้อยังคงแข็งแกร่งทั้งในช่วงไตรมาส 4 ปลายปีนี้และต่อเนื่องถึงปีหน้า และคาดการณ์ว่าโมเมนตัมนี้จะดำเนินต่อไปอีกราว 2-3 ปี
เมื่อถูกถามถึงข้อกังวลเรื่องฟองสบู่ AI (AI bubble) ในตลาด วิคเตอร์ เจิ้ง กล่าวว่า วงจรการลงทุนสร้าง AI Data Center ที่เริ่มมาตั้งแต่ปลายปี 2024 จะยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องไปตลอดปี 2025 และ 2026 เนื่องจากกระบวนการตั้งแต่การวางแผน การสั่งซื้ออุปกรณ์โซลูชั่น จนถึงการสร้างให้เสร็จและใช้งานได้จริง ต้องใช้เวลา 2-3 ปี
ความไม่แน่นอนจะเกิดขึ้นในปี 2027-2028 ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าผู้ประกอบการที่ลงทุนไปมหาศาล จะสามารถสร้างรายได้และผลกำไรจาก AI ได้จริงหรือไม่ หากผลลัพธ์เป็นบวก โมเมนตัมก็จะดำเนินต่อไป แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น การลงทุนอาจหยุดหรือชะลอตัวลง
ส่องภูมิทัศน์ AI โลก “อเมริกา” ผู้นำ “เอเชีย” เร่งตาม
ในภาพใหญ่ของการพัฒนา AI คุณวิคเตอร์ เจิ้ง มองว่า สหรัฐอเมริกายังคงเป็นผู้นำและเป็นแหล่งที่มาของทรัพย์สินทางปัญญา (IP) ปัจจุบัน กว่า 50% ของอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่เดลต้าผลิต ถูกส่งไปยังอเมริกาเหนือ ขณะที่ยุโรปยังมีขนาดเล็กกว่าครึ่งของอเมริกา
ส่วนเอเชียยังอยู่ในฐานะผู้ตาม แต่มีข้อสังเกตว่า อัตราการพัฒนาในรอบนี้เกิดขึ้นเร็วกว่ายุค Cloud Data Center โดยจะเห็นการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์เกิดขึ้นทั้งในมาเลเซีย สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และไทย ขณะที่จีนก็กำลังเคลื่อนตัวเร็วมากเช่นกัน
“AI ไม่ใช่กระแส” เบื้องหลังรายได้ เดลต้า โต 3 เท่า

เดลต้าไม่ได้เป็นเพียงผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ป้อนอุตสาหกรรม AI แต่ยังเป็นผู้ที่นำ AI และระบบอัตโนมัติมาใช้ในการดำเนินงานของตนเองอย่างจริงจัง
คุณวิคเตอร์ เจิ้ง กล่าวในงาน Delta Future Industry Summit ประจำปี 2568 ภายใต้ธีม “พลิกโฉมอุตสาหกรรมสู่อนาคตด้วย AI ระบบอัตโนมัติ และพลังงาน แห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต” โดยย้ำว่า AI “ไม่ใช่กระแส”
เขายกตัวอย่างผลการดำเนินงานของเดลต้าเองว่า ในช่วงปี 2020 ถึง 2025 รายได้ของบริษัทเติบโตเกือบ 3 เท่า จากประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์ เป็น 4.5 พันล้านดอลลาร์ โดยที่จำนวนบุคลากรเพิ่มขึ้นเพียง 25% ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นได้จริงผ่านการใช้ระบบอัตโนมัติและเทคโนโลยี AI (หรือ Machine Learning ในอดีต) ช่วยเพิ่มผลผลิตได้ถึง 20%
ปักหมุด R&D ไทย ปั้นวิศวกร 1,800 คน
เพื่อให้สอดรับกับการขยายตัว เดลต้ายังมีแผนเชิงยุทธศาสตร์ด้านการวิจัยและพัฒนาในไทย โดย แจ็คกี้ จาง ระบุว่า บริษัทตั้งเป้าเพิ่มกำลังคนด้านวิศวกรรมให้ถึง 1,800 คน ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า
กำลังคนเหล่านี้จะไม่ใช่แค่วิศวกรไทยที่จบใหม่เท่านั้น แต่จะเป็นการผสมผสานระหว่างบุคลากรในประเทศ กับผู้จัดการมากประสบการณ์จากต่างประเทศ เพื่อมาร่วมกันบ่มเพาะทรัพยากรใหม่ ๆ และช่วยผลักดันประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็นสังคมที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี
ทิศทางและความท้าทาย
ผลประกอบการแข็งแกร่ง ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2025 มีรายได้ 1,652 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโต 36% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และสำหรับภาพรวมทั้งปี 2025
คุณวิคเตอร์ เจิ้ง ยืนยัน อย่างหนักแน่นว่าจะสามารถส่งมอบการเติบโตของรายได้แบบสองหลัก (double-digit growth) ได้ตามเป้าหมาย
3 ปัจจัยมหภาคขับเคลื่อนธุรกิจ
คุณวิคเตอร์ เจิ้ง ชี้ว่า การเติบโตของเดลต้าไม่ได้มาจาก AI เพียงอย่างเดียว แต่มาจาก 3 แนวโน้มใหญ่ ได้แก่
- ภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical) การย้ายฐานการผลิตออกจากจีนมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- Digitalization การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ทั้งคลาวด์ AI และ Machine Learning ซึ่งทั้งหมดต้องใช้ “พลังงาน” อันเป็นธุรกิจหลักของเดลต้า
- พลังงานยั่งยืน (Sustainable Energy) แม้จะยังไม่เห็นผลเต็มที่ในภูมิภาคนี้ แต่เป็นทิศทางที่ตลาดโลกมุ่งไป
โอกาส “Low Carbon Hub” ของไทย
คุณแจ็คกี้ จาง มองว่า ไทยมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการผลิตคาร์บอนต่ำ แต่ยังต้องการความพยายาม โดยเฉพาะนโยบายและกฎระเบียบของภาครัฐที่ต้องเปลี่ยนแปลงให้เร็วขึ้น ในขณะที่จุดแข็งคือ ภาคเอกชนไทยมีความตั้งใจจริงในการใช้พลังงานสะอาดและลดคาร์บอน ประกอบกับความต้องการของลูกค้าระดับโลกที่มุ่งเน้นห่วงโซ่อุปทานสีเขียว สำหรับเดลต้าเอง มีพันธสัญญา RE100 (ใช้พลังงานหมุนเวียน 100%) โดยตั้งเป้าเดิมไว้ปี 2030 แต่คาดว่าจะบรรลุได้ภายในปี 2027 รวมถึงมุ่งสู่ EV100 ในภาคการขนส่งด้วย
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
‘จำเป็นไหมต้องมี Bitcoin?’ ซีเคชี้ ‘สมองไหล’ สู่ AI | เซียนมี่เตือนภัย ‘จีน’
BOI อัดฉีด 5 พันล้าน อัปเกรดธุรกิจ-ปั้นบุคลากรทักษะสูง 1 แสนคน




