Share on
×

Share

CIO ภาครัฐทุ่มงบ GenAI พุ่ง 38%: การ์ทเนอร์ชี้ ต้องโฟกัส ‘คุณค่า-ภารกิจ’

CIO ภาครัฐทุ่มงบ GenAI พุ่ง 38%: การ์ทเนอร์ชี้ ต้องโฟกัส 'คุณค่า-ภารกิจ'

การ์ทเนอร์ (Gartner) บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาด้านไอทีชั้นนำ เผยผลสำรวจล่าสุดว่า ภายในปี 2026 ผู้บริหารงานด้านสารสนเทศ (CIO) ในองค์กรภาครัฐกว่า 80% จะเพิ่มงบประมาณด้าน Generative AI (GenAI) ขึ้นอีก 38% เมื่อเทียบกับปี 2025 สะท้อนถึงแรงกดดันในการขยายการใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับบริการสาธารณะให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Dean Lacheca รองประธานนักวิเคราะห์ การ์ทเนอร์ ระบุว่า แม้ GenAI จะมีศักยภาพมหาศาล แต่การใช้งานในภาครัฐที่ยังจำกัดด้วยกฎระเบียบและระบบเดิม (Legacy Systems) ทำให้ประสิทธิผลที่วัดผลได้ยังไม่ชัดเจน และเวลาที่ประหยัดได้มักถูกใช้ไปกับงานอื่นอย่างรวดเร็วโดยแทบไม่มีผลกระทบต่อภารกิจหรือการลดต้นทุนที่แท้จริง

พลิกโฉม GenAI: โฟกัสจุดคอขวด สร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI)

คุณค่าที่แท้จริงของ GenAI จะเกิดขึ้นเมื่อนำไปใช้แก้ปัญหา “คอขวดของการทำงาน” (Bottlenecks) หรือจุดที่จำกัดประสิทธิภาพขององค์กรอย่างเป็นระบบ เช่น ขั้นตอนการอนุมัติที่ยาวนาน การกรอกข้อมูลซ้ำซ้อน หรือกระบวนการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวด

การ์ทเนอร์แนะนำให้ผู้นำไอทีภาครัฐเปลี่ยนโฟกัสจากการเพิ่มแค่ “ผลิตภาพ” (Productivity) ไปสู่การเพิ่ม “ประสิทธิภาพทางการเงินและขยายผลกระทบต่อภารกิจ” โดยยูสเคสของ GenAI จะต้องสอดคล้องกับลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ เช่น การลดความเสี่ยง การเสริมศักยภาพบุคลากร และการบรรลุเป้าหมายที่สำคัญต่อภารกิจ

กลยุทธ์ GenAI สู่การลดต้นทุนและขับเคลื่อนภารกิจภาครัฐ

การ์ทเนอร์เสนอ 5 แนวทางหลักที่ GenAI จะช่วยภาครัฐในการลดต้นทุนและสร้างคุณค่า:

  1. ลดงานซ้ำซ้อน (Reduce Double Handling) – GenAI สามารถใช้ในการประมวลผลล่วงหน้า (Preprocessing) หรือคัดแยก (Triaging) คำร้อง เช่น ใบสมัครหรือคำร้องขอใบอนุญาต โดยใช้ความสามารถในการระบุรูปแบบและเชื่อมโยงข้อมูลในอดีตกับนโยบายที่เกี่ยวข้องได้อย่างแม่นยำสูง ซึ่งช่วยลดต้นทุนการประมวลผลภายในได้อย่างชัดเจน
  2. ลดต้นทุนการเข้าถึง (Lower Cost of Access) – GenAI สามารถเร่งการทำงานประจำ การสร้างเนื้อหา และการแปลข้อมูลสื่อสารให้เป็นอัตโนมัติ ด้วยการฝัง GenAI เข้าไปในโครงสร้างพื้นฐาน จะเปลี่ยนบทบาทของเทคโนโลยีจาก Cost Centre ไปสู่ Value Creator ที่ช่วยให้เริ่มภารกิจได้เร็วขึ้น สร้างการมีส่วนร่วมกับภาคประชาชนสูงขึ้น และให้บริการครอบคลุมมากขึ้น
  3. เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน (Increase Operational Efficiency) – การรวม GenAI เข้ากับโมเดล Deterministic AI สามารถเปลี่ยนฟีดข้อมูลเสียงและวิดีโอให้เป็นข้อความที่มีโครงสร้างได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาในการเขียนรายงาน การถอดความ และลดความต้องการด้านบุคลากรได้อย่างจับต้องได้ โดยยังคงให้ความสำคัญกับ “การให้มีมนุษย์ร่วมตรวจสอบ (Human In The Loop)”
  4. มุ่งลดต้นทุนไอที (Pursue Cost Reduction Within IT) – เนื่องจากการจัดจ้างงานภายนอก (Outsourcing) คิดเป็นกว่า 15% ของงบประมาณไอทีภาครัฐ GenAI เปิดโอกาสให้ CIO สามารถเจรจาต่อรองสัญญาใหม่กับผู้ให้บริการ โดยใช้ประโยชน์จาก GenAI เป็นเครื่องมือต่อรอง เพื่อลดราคาลงได้ 5-20% ในด้านต่าง ๆ เช่น การสนับสนุนแอปพลิเคชันและการปฏิบัติการของฝ่ายบริการ
  5. ลดตัวแปรที่เกิดจากบุคคลที่สาม (Reduce Third Party Variables) – GenAI มอบประสิทธิภาพและความเชี่ยวชาญแบบ On-Demand สำหรับงานเฉพาะทาง เช่น การร่างสัญญามาตรฐาน หรือการสร้างเนื้อหาแคมเปญการสื่อสาร ซึ่งช่วยให้ทีมภายในสามารถจัดการงานเหล่านี้ได้ทันที ลดการพึ่งพาและค่าใช้จ่ายในการทำสัญญากับผู้เชี่ยวชาญภายนอก

สัญญาที่เข้มแข็ง: GenAI ตรวจจับต้นทุนที่สูงเกินจริง

GenAI สามารถประมวลผลสัญญาในอดีต คำวินิจฉัยคดี และบันทึกการเรียกเก็บเงินจำนวนมหาศาล เพื่อตีความภาษาที่คลุมเครือ และส่งสัญญาณเมื่อมีการเรียกเก็บเงินต่ำกว่าความเป็นจริง หรือเมื่อมีการละเลยข้อกำหนดค่าปรับ/ค่าธรรมเนียมที่ตกลงไว้ CIO จึงควรใช้ GenAI ร่วมกับทีมกฎหมายและการเงิน เพื่อเจรจาต่อรองข้อกำหนดให้เข้มแข็งขึ้นและควบคุมภาวะงบประมาณที่สูงขึ้นได้

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ดีอี จับมือ Google แจก Google AI Pro ฟรี 1 ปี ให้นักศึกษา 18 ปีขึ้นไป

Ledger บุกไทยชู ‘Secure Signer’ เสาหลักสกัดภัย 2.17 พันล้านเหรียญ

เริ่มใช้ AI ยังไง? ‘ดร.ธนชาติ’ ย้ำ ไม่ต้องเรียน ‘Prompt’ แค่ ‘ลงมือทำ’

×

Share

ผู้เขียน