Share on
×

Share

ศึก ‘คนละครึ่งพลัส’ LINE MAN คว้า 2 ล้านออเดอร์ Grab ดันร้านเล็กโต 18 เท่า

ศึก 'คนละครึ่งพลัส' LINE MAN คว้า 2 ล้านออเดอร์ Grab ดันร้านเล็กโต 18 เท่า

โครงการ “คนละครึ่งพลัส” ของภาครัฐ ได้จุดชนวนการแข่งขันและสร้างความคึกคักให้กับสมรภูมิฟู้ดเดลิเวอรีอย่างชัดเจน โดยสองผู้เล่นยักษ์ใหญ่อย่าง LINE MAN และ Grab ต่างออกมาเปิดเผยตัวเลขความสำเร็จที่สะท้อนการตอบรับอย่างล้นหลาม

ประเด็นที่น่าสนใจที่สุดไม่ใช่แค่การลดภาระค่าครองชีพของผู้บริโภค แต่คือการอัดฉีดเม็ดเงินมหาศาลลงสู่ร้านอาหารรายย่อยและสตรีตฟู้ดโดยตรง และยังส่งผลบวกต่อไปยังระบบเศรษฐกิจฐานรากทั้งระบบ ตั้งแต่ไรเดอร์ไปจนถึงผู้ผลิตวัตถุดิบ

LINE MAN ยืนหนึ่ง ‘ยอดสั่ง-เม็ดเงิน’

ในแง่ของปริมาณการใช้งานและเม็ดเงินหมุนเวียน LINE MAN ได้ตอกย้ำตำแหน่งผู้นำอย่างชัดเจน

เพียง 5 วันแรกของโครงการ ยอดออเดอร์สะสมบน LINE MAN ทะลุ 2 ล้านออเดอร์ จากผู้ใช้งานกว่า 1 ล้านคน และร้านอาหารที่เข้าร่วมกว่า 40,000 ร้าน สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนเกือบ 300 ล้านบาท

ตัวเลขนี้สอดคล้องกับรายงานของกระทรวงการคลัง ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ที่ระบุว่า LINE MAN เป็นแพลตฟอร์มที่มียอดใช้จ่ายสูงสุดในกลุ่มเดลิเวอรี โดยมียอดขายถึง 249.74 ล้านบาท จากยอดใช้จ่ายสะสมผ่านฟู้ดเดลิเวอรีทั้งหมด 419.42 ล้านบาท สะท้อนถึงการเลือกใช้งานจริงจากประชาชนทั่วประเทศ

LINE MAN ชี้ว่าความสำเร็จนี้มาจากระบบที่ใช้งานง่าย ครอบคลุมทั่วไทย และประสบการณ์สั่งอาหารที่สะดวกและคุ้มค่า

Grab โชว์จุดแข็งปั้นยอดเจาะลึก

ขณะที่ Grab แม้จะรายงานยอดออเดอร์ทะลุ 1 ล้านออเดอร์ แต่ได้ฉายภาพความสำเร็จในมิติที่ลึกซึ้งกว่านั้น คือ “การเปลี่ยนแปลง” ที่เกิดขึ้นกับร้านค้าขนาดเล็กอย่างเป็นรูปธรรม

จุดเด่นของ Grab คือการเปิดเผยข้อมูลเชิงลึก (Insights) ที่ชี้ให้เห็นว่าโครงการนี้สร้างผลกระทบเชิงบวกให้ร้านค้ารายย่อยได้อย่างไร

  • ยอดขายร้านเล็กพุ่ง 3 เท่า: ร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการฯ มียอดขายเพิ่มขึ้นเฉลี่ยถึง 3 เท่า
  • ร้านสตรีตฟู้ดโต 18 เท่า: พบกรณีศึกษาที่น่าสนใจ เช่น “ร้านอยู่นี่ ตามสั่ง ข้าวผัด สเต็ก” ในกรุงเทพฯ ที่ยอดขายเติบโตถึง 18 เท่าจากช่วงปกติ หรือ “ร้านพาสต้า บ่?” ที่ทำยอดขายเฉลี่ยต่อวันสูงกว่าครึ่งแสนบาท
  • ดึงร้านค้าเข้าระบบเพิ่ม: มีร้านอาหารลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ กับแกร็บเพิ่มขึ้นกว่า 50% โดยเฉพาะกลุ่มร้านขนาดเล็กและสตรีตฟู้ด

ปัจจัยสนับสนุนมาจากมาตรการของ Grab เอง ที่คิดอัตรา GP พิเศษเพียง 7% จัดส่งฟรี 5 กิโลเมตร และอัดส่วนลดให้ผู้บริโภค

ถอดรหัสพฤติกรรม: คนไทยใช้คนละครึ่งสั่งอะไร?

ข้อมูลจาก Grab ยังช่วยให้เห็นพฤติกรรมการใช้สิทธิ์ “คนละครึ่งพลัส” ผ่านเดลิเวอรีในช่วง 5 วันแรกอย่างน่าสนใจ

  • มื้อเที่ยงยอดนิยม: ช่วงเวลา 11.00 – 12.00 น. คือช่วงที่มีการสั่งอาหารมากที่สุด
  • เมนูฮิต (จานเดียว): อาหารที่คนนิยมสั่งที่สุดคือ ส้มตำ, ก๋วยเตี๋ยว และ ไก่ทอด
  • เครื่องดื่มยืนหนึ่ง: ชาไทย ยังคงเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมสูงสุด ตามด้วยชาเขียวหรือมัทฉะ และโกโก้เย็น
  • ยอดใช้จ่ายต่อออเดอร์: คนส่วนใหญ่นิยมสั่งอาหารด้วยมูลค่าประมาณ 80 – 120 บาทต่อออเดอร์
  • สั่งบ่อยขึ้น: โครงการนี้กระตุ้นความถี่ในการสั่ง โดยพบว่ามีคนสั่งอาหารตั้งแต่ 2 ออเดอร์ต่อวันขึ้นไป เพิ่มขึ้นถึง 2.5 เท่า
  • 5 จังหวัดแชมป์: จังหวัดที่มีการสั่งซื้อมากที่สุดคือ กรุงเทพฯ ตามด้วย ชลบุรี ขอนแก่น โคราช และเชียงใหม่

ผลบวกต่อทั้งระบบเศรษฐกิจ

ความสำเร็จของโครงการ “คนละครึ่งพลัส” บนแพลตฟอร์มเดลิเวอรี ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผู้ซื้อและร้านค้า Grab ระบุว่าโครงการนี้ส่งผลบวกไปทั้งอีโคซิสเต็ม

โดยกลุ่มไรเดอร์ผู้จัดส่งอาหาร มีรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงเพิ่มขึ้น 13% นับตั้งแต่เริ่มโครงการฯ นอกจากนี้ กลุ่มผู้ผลิตและจัดจำหน่ายวัตถุดิบอาหาร ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง ก็ได้รับอานิสงส์ไปด้วย

โครงการนี้จึงถือเป็นนโยบาย “Quick Big Win” ที่ใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างมีประสิทธิภาพ ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ท้าทายในปัจจุบัน

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

LCB1 Group ฉลอง 30 ปี ดันท่าเรือแหลมฉบังทะลุ 10 ล้าน TEU

AWS เลือก ‘ไต้ฝุ่น’ AI ภาษาไทยหนึ่งเดียวในอาเซียนจาก SCB10X เข้าโปรแกรม AI Accelerator

×

Share

ผู้เขียน