“Block Mountain” อีเวนต์ใหญ่ที่เปรียบเสมือนหมุดหมายสำคัญของวงการดิจิทัลไทย ประกาศกลับมาจัดงานครั้งที่ 8 อย่างยิ่งใหญ่ ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยครั้งนี้จะจัดขึ้น 4 วันเต็ม ตั้งแต่วันที่ 22-25 พฤศจิกายน ในบรรยากาศ “คราฟต์แคมป์” (Craft Camp) ที่เปิดโอกาสให้ผู้คนในหลากหลายคอมมูนิตี้ได้มาพบปะ แลกเปลี่ยนความรู้ และสร้างเครือข่าย
การจัดงานครั้งนี้ตอกย้ำวิวัฒนาการของอีเวนต์ที่ก้าวข้ามจากงานที่เน้นเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ไปสู่การเป็น “ศูนย์กลางคอมมูนิตี้” (Community Hub) ที่แท้จริง โดยมีไฮไลต์ 4 วัน 4 ธีมหลักที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน และที่สำคัญคือ เปิดให้เข้าร่วมงานฟรี (โดยมีบัตรแบบ Supporter ที่รวมอาหารและเครื่องดื่มจำหน่ายแยก)
4 วัน 4 ธีม: จาก “นวัตกรรมเมือง” สู่ “สินทรัพย์ดิจิทัล” และ “บิตคอยน์”
เนื้อหาของ Block Mountain ปีนี้ ถูกออกแบบมาให้ครอบคลุมภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมดิจิทัลที่หลากหลาย โดยแบ่งตามธีมในแต่ละวันดังนี้
- 22 พ.ย. – Explore Day & City Connect Day: วันแรกจะเน้นไปที่การสำรวจเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยมีธีมหลักคือ “City Connect” ที่จะพูดคุยถึงนวัตกรรมและดิจิทัลแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมือง ก่อนที่ช่วงบ่ายและเย็นจะต่อด้วยเนื้อหาเกี่ยวกับ NFT, Web3 Gamification และบอร์ดเกม
- 23 พ.ย. – Digital Asset Day: วันที่สองจะโฟกัสที่โลกของ “สินทรัพย์ดิจิทัล” (Digital Asset) อย่างเต็มรูปแบบ ไฮไลต์สำคัญคือเวทีเสวนาที่จะมีตัวแทนจากสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย (TDAA) มาร่วมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากคนในวงการ เพื่อเป็นกระบอกเสียงในการสื่อสารถึงหน่วยงานกำกับดูแลต่อไป
- 24 พ.ย. – Bitcoin Day: วันที่สามถูกวางให้เป็นวันสำหรับ “บิตคอยน์” แบบเพียว ๆ (Purely Bitcoin) โดยจะมีคอมมูนิตี้บิตคอยน์มาเจาะลึกในแง่มุมต่างๆ ตั้งแต่เรื่องเทคโนโลยี การ Scaling, Real World Asset (RWA) ไปจนถึงแง่มุมเชิงปรัชญาและเศรษฐศาสตร์
- 25 พ.ย. – Community Day: วันสุดท้ายจะเน้นการตกผลึกและแลกเปลี่ยนในหัวข้อ “การสร้างและรักษาคอมมูนิตี้” (Maintain Community) โดยจะมีผู้นำจากหลาย ๆ คอมมูนิตี้มาแชร์เคล็ดลับและแนวทางการสื่อสาร
มากกว่าแค่เวทีเสวนา: กับแกล้มด้วย “Muu Mountain” และ “Block Runner”
แก่นแท้ของ Block Mountain คือการสร้างเครือข่าย (Networking) งานจึงถูกจัดในรูปแบบ “คราฟต์แคมป์” กลางแจ้ง ในสวนริมทะเลสาบ ณ V Community (ใกล้ ม.พายัพ) ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับการจัดงานครั้งแรกในปี 2019 โดยเน้นบรรยากาศที่เป็นกันเอง พร้อมกิจกรรมปาร์ตี้และดนตรีในทุกค่ำคืน
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมพิเศษที่สะท้อนความหลากหลายของคอมมูนิตี้ ได้แก่
- Muu Mountain (มูเมาเท่น): กิจกรรมสำหรับผู้ที่ไม่ใช่สายปาร์ตี้ โดยจะมีการจัดทริปไหว้พระตามวัดต่าง ๆ ในเชียงใหม่ในตอนเช้า
- Block Runner: กิจกรรมสำหรับสายสุขภาพในเช้าวันบิตคอยน์ (24 พ.ย.) ซึ่งจะเป็นการวิ่งแบบ “Social Run” (วิ่งไปคุยไป) ขึ้นดอย ระยะทางไป-กลับประมาณ 6 กิโลเมตร
การผนึกกำลังของ Ecosystem ดิจิทัลไทย

ความสำเร็จของ Block Mountain เกิดจากการร่วมมือของหลายภาคส่วน โดยปีนี้มีคอมมูนิตี้หลักที่เข้าร่วมแชร์เนื้อหามากมาย อาทิ Cryptomind, Bitcast, Lightlink, Nai Cat, James Club (NFT) และอีกมากมาย
ที่สำคัญคือการสนับสนุนจากกลุ่มสมาคมต่าง ๆ นำโดย “12 สมาคมดิจิทัล”สมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย และสมาคม Martech
รวมถึงการสนับสนุนจากภาครัฐอย่าง “Depa” (สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล) ซึ่งเป็นพันธมิตรที่สนับสนุนงานมาตั้งแต่ปี 2019 Depa พร้อมสนับสนุนอุตสาหกรรมดิจิทัลอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น Web2 หรือ Web3 ผ่านกลไกต่าง ๆ เช่น กองทุนสนับสนุน มาตรการลดหย่อนภาษี 200% สำหรับ SME ที่ใช้บริการดิจิทัล และการสนับสนุนด้านมาตรฐาน ISO
การกลับมาของ Block Mountain ครั้งที่ 8 จึงไม่ได้เป็นเพียงงานสัมมนา แต่เป็น “เทศกาล” ที่รวมพลคนในวงการดิจิทัลหลากหลายสาขา มาอัปเดตความรู้และสร้าง Connection ในบรรยากาศที่ไม่เป็นทางการ สะท้อนถึงการเติบโตและความเข้มแข็งของ Ecosystem ดิจิทัลไทยได้เป็นอย่างดี
Block Mountain ชูพลังคอมมูนิตี้ ปั้น NFT สู่ ‘เกม-IP-บอร์ดเกม’ พลิกภูมิทัศน์สินทรัพย์ดิจิทัล
ภูมิทัศน์ของสินทรัพย์ดิจิทัลและ NFT กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ จากยุคสมัยของการเก็งกำไร (Speculation) และการคาดการณ์ตลาด กำลังพลิกผันสู่ยุคแห่งการแสวงหา “Use Case” หรือประโยชน์ใช้สอยจริงที่จับต้องได้ โดยมี “คอมมูนิตี้” เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนและสร้างสรรค์เนื้อหา นี่คือประเด็นสำคัญที่สะท้อนผ่านมุมมองของผู้เชี่ยวชาญในวงการ ระหว่างการเสวนาเพื่อเตรียมความพร้อมสู่การจัดงาน Block Mountain
NFT พลิกโมเดล: จาก “ทำกำไร” สู่การสร้าง “IP ธุรกิจ”
ในขณะที่หลายคนอาจมองว่ากระแส NFT ได้แผ่วลง ณัฎฐ์ จิตตมัย ผู้ก่อตั้งและผู้นำชุมชน Pudgy Thailand ของ GM Learning Club ได้ให้มุมมองว่า ธรรมชาติของ NFT และ Digital Asset ได้ “เปลี่ยนไปเยอะ” และ “กว้างขึ้น” ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การทำกำไรเหมือนในอดีต
ปัจจุบัน เทรนด์ได้มุ่งหน้าสู่การพัฒนา Start Game, เกมการ์ด (TTCG) และที่น่าจับตามองคือ การผันตัวไปสู่การสร้าง Character Branding และ Intellectual Property (IP) ตัวอย่างที่ชัดเจน ได้แก่
- Pudgy Penguins (พัดจี้ เพนกวิน): จากโปรเจกต์ NFT ปัจจุบันได้ขยายสู่การทำสินค้า (Merchandise) และสร้างแบรนด์คาแรคเตอร์อย่างเต็มตัว
- โครงการของ “BitToon” (ชุมพล วงศ์มติกุล): ที่ผันตัวเองจาก NFT ไปสู่การพัฒนา “บอร์ดเกม”
ปรากฏการณ์นี้ชี้ให้เห็นว่า NFT กำลังกลายเป็นโมเดลธุรกิจทั่วไป ที่เน้นการขายแฟรนไชส์, การขาย IP และการร่วมมือ (Collaborate) กับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ คำถามสำคัญในวันนี้จึงไม่ใช่ “ราคาจะไปเท่าไหร่” แต่เป็น “ทำไมบล็อกเชน (Blockchain) ถึงมาเกี่ยวข้อง” กับโมเดลธุรกิจเหล่านี้ ซึ่งเป็นแนวทางที่สามารถ “ประยุกต์กับธุรกิจได้ดีขึ้น”
“สาระและความบันเทิง” หัวใจของ Block Mountain
ในขณะที่เทคโนโลยีกำลังแสวงหา Use Case จริง ดร.อุดมศักดิ์ รักวงษ์วาน หรือ “อาจารย์เอ็ม” ผู้ซึ่งเพิ่งเปลี่ยนชื่อเพจเป็น “ติดเหล้ากับอาจารย์เอ็ม (เฟซจริง)” ได้ตอกย้ำถึงความสำคัญของ “บรรยากาศ” ที่เอื้อต่อการสร้างสรรค์
อาจารย์เอ็ม อธิบายว่า เหตุผลที่เขาไปงาน Block Mountain ทุกปี เพราะที่นี่แตกต่างจากงานคริปโตทั่วไป ที่มักเน้นการไปนั่งฟังความรู้เพียงอย่างเดียว
“Block Mountain ผมว่ามันเป็น… มันมีบรรยากาศของความเชียงใหม่ …ความเรื่อย ๆ เราสามารถไปถึงปุ๊บ เจอคนนี้ คุยกัน กินกาแฟกันมั้ย”
เขาชี้ว่า บรรยากาศที่ “สบาย ๆ” ไม่วุ่นวายแออัด ทำให้ผู้คนได้มีเวลาพูดคุยและ “Get to know กันจริง ๆ” ผ่านกิจกรรมทั้งกลางวันและกลางคืน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของเพจเขาคือ ต้องมีทั้ง “สาระและความบันเทิง”
พลัง “คอมมูนิตี้” ผู้สร้างเนื้อหาตัวจริง
มุมมองของทั้งสองสอดคล้องกับที่ผู้จัดงาน Block Mountain ระบุว่า หน้าที่ของผู้จัดคือการ “เตรียมเวที” “เครื่องเสียง” และ “อาหาร” แต่ส่วนสำคัญที่สุดคือ “เนื้อหา สาระ” และ “กิจกรรม” ทั้งหมด เกิดขึ้นจาก “คอมมู (Community)”
ผู้เข้าร่วมงานส่วนใหญ่ “ตั้งใจมาให้” และ “มาแชร์” ทั้งความรู้และประสบการณ์ บรรยากาศที่ผ่อนคลายและเปิดกว้างนี้เอง ที่ทำให้เกิดการต่อยอดทางธุรกิจ และการค้นพบโปรเจกต์ใหม่ๆ ภายในงาน
สำหรับงาน Block Mountain ครั้งที่ 8 จะจัดขึ้นในวันที่ 22-25 มกราคม ณ V Community จังหวัดเชียงใหม่ โดยผู้จัดงานระบุว่า ปีนี้จะเปิดให้ผู้ที่สนใจ “เข้างานฟรี” ในส่วนของ Session กลางวัน และมี “บัตรซัพพอร์ตเตอร์” สำหรับอาหารและเครื่องดื่ม โดยมีผู้สนับสนุนหลักอย่าง Binance TH และ Maxbit
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ม.หอการค้าไทย ชี้ ‘Digital Paradox’ ฉุดขีดการแข่งขันไทยร่วง 5 อันดับ
ถอดรหัส Ethereum: ทำไมราคา ‘Underperform’ สวนทางปัจจัยพื้นฐาน?




