Share on
×

Share

เอกชนดิจิทัล ชง 8 ข้อถึง depa จี้ปลดล็อก ‘โครงสร้าง-ทัศนคติรัฐ’

เอกชนดิจิทัล ชง 8 ข้อถึง depa จี้ปลดล็อก ‘โครงสร้าง-ทัศนคติรัฐ’

เมื่อเร็ว ๆ นี้ เกิดการรวมตัวครั้งสำคัญของเครือข่ายอุตสาหกรรมดิจิทัลไทยแทบทุกแขนง ที่สำนักงานใหญ่ depa (ลาดพร้าว 10) นำโดยสมาคมชั้นนำทั้ง IoT, สตาร์ตอัพ, AI, ซอฟต์แวร์เกม, ดิจิทัลคอนเทนต์, โปรแกรมเมอร์ ไปจนถึงสภาอุตสาหกรรมฯ เพื่อสะท้อน “เสียงจริง” สู่ ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ depa และคณะผู้บริหาร

นี่ไม่ใช่แค่การประชุมธรรมดา แต่คือการ “ระดมสมอง” เพื่อรวบรวมปัญหาและข้อเสนอแนะ สำหรับใช้เป็นแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ

เสียงสะท้อนจากภาคเอกชนครั้งนี้ ชี้ให้เห็น 8 ปมปัญหาเร่งด่วน ที่หากปลดล็อกได้ จะเป็น “ตัวเปลี่ยนเกม” ของประเทศทันที

  1. รากฐานต้องแน่น: “Cloud – Data Center – คน”

ภาคอุตสาหกรรมเห็นพ้องว่า ไทยต้องยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอย่างจริงจัง ทั้ง Cloud, Data Center และมาตรฐาน IoT เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และสร้างงานสร้างสรรค์อย่างภาพยนตร์หรือดิจิทัลคอนเทนต์ให้ครบวงจรในไทย

ขณะเดียวกัน ปัญหา “คน” ยังวิกฤติ บัณฑิตจบใหม่ทักษะไม่ตรงตลาด แรงงานฝีมือขาดแคลน โดยเฉพาะสาย AI ที่มีผู้ประกอบการน้อยกว่าคู่แข่ง จึงจำเป็นต้องสร้างทักษะเชิงลึกและกระจายโอกาสให้เยาวชนต่างจังหวัดเข้าถึงอุตสาหกรรมนี้มากขึ้น

  1. รัฐต้อง “เปลี่ยนทัศนคติ”: เลิกกลัวเจ๊ง และเลิกอืดอาด

ประเด็นที่แหลมคมที่สุดคือเสียงสะท้อนต่อ “ภาครัฐ” ภาคเอกชนชี้ว่าขั้นตอนรัฐยัง “ยุ่งยาก เข้าถึงยาก และช้า” ทำให้ SMEs ตกขบวน

ที่สำคัญกว่านั้น ภาคเอกชนเรียกร้องให้รัฐ “ยอมรับความเสี่ยงในการล้มเหลวของนวัตกรรม” ไม่ใช่มองว่าทุกโครงการที่สนับสนุนต้องสำเร็จ 100% เพราะอุตสาหกรรมเทคโนโลยีต้องการพื้นที่สำหรับความผิดพลาดเพื่อการเติบโต

  1. ช่วยให้ SMEs “รอด”: ปัญหาสภาพคล่อง (Credit Term)

นี่คือ “หนามทิ่มแทง” ชิ้นใหญ่ แม้กฎหมายจะกำหนด Credit Term ไว้ 45 วัน แต่ในทางปฏิบัติ หลายธุรกิจยังทำไม่ได้จริง ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของ SMEs โดยตรง จึงมีการเสนอให้มีมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วน เพื่อให้ระบบการชำระเงินเป็นธรรม

  1. โอกาสทอง “อุตสาหกรรมเกม”: ต้องดันให้สุด

ไทยมีศักยภาพสูงมากในอุตสาหกรรมเกม ที่ประชุมเสนอให้ใช้ความสำเร็จของงาน gamescom x Thailand Game Show 2025 เป็นจุดเริ่มต้นในการดึงดูดนักลงทุน ครีเอเตอร์ และแรงงานต่างชาติเข้ามาในไทย พร้อมกระจายโอกาสไปยังภูมิภาค และที่สำคัญ รัฐต้องเปิดให้สมาคมฯ มีบทบาทตัดสินใจ “ร่วม” ในการจัดงานระดับนานาชาติ เพื่อให้ทิศทางสอดคล้องกับความต้องการจริงของตลาด

  1. หนุนให้ “แข่งได้จริง” ในเวทีโลก

ผู้ประกอบการไทยสาย AI, MarTech และดิจิทัลคอนเทนต์ ต้องการแรงหนุนที่จับต้องได้ เช่น การลดข้อจำกัดด้านกฎหมาย, การสนับสนุนให้เกิด IP ของไทย, การสร้างความเชื่อมโยงกับต่างประเทศ และการเปิดพื้นที่ทดสอบ (POC) โดยมี “รัฐ” ช่วยเป็นผู้รับรองความน่าเชื่อถือ

  1. ขอ “Digital Hub” สร้างชุมชน

ภาคเอกชนต้องการพื้นที่ส่วนกลางสำหรับพบปะ แลกเปลี่ยน และสร้างเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง (Meet up, เวิร์กชอป) โดยเสนอให้ depa ใช้พื้นที่ขององค์กรเป็น “Digital Hub” ที่เปิดกว้างให้ชุมชนดิจิทัลเข้ามาใช้ประโยชน์ เพื่อสร้างความร่วมมือใหม่ ๆ

  1. ขอความร่วมมือที่ “สมดุล”

ภาคเอกชนต้องการให้รัฐทำงานร่วมกับสมาคมฯ อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะโครงการใหญ่ระดับนานาชาติ โดยให้สมาคมฯ มีบทบาท “ตัดสินใจ” อย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่เข้าร่วมเป็นพิธี เพื่อให้สะท้อนความต้องการของอุตสาหกรรมได้ชัดเจน

รัฐต้อง “ปลดล็อก” ตัวเองก่อน

การประชุมครั้งนี้สะท้อนภาพที่ชัดเจนว่า ภาคเอกชนดิจิทัลไทย “พร้อมลุย” และมองเห็นโอกาสมหาศาล แต่กลับติดกับดัก 3 ด้านหลักคือ โครงสร้างพื้นฐานที่ไม่ทันสมัย ปัญหาคอขวดด้านสภาพคล่อง และ “กฎระเบียบและทัศนคติ” ของภาครัฐที่ยังเป็นระบบเก่า

ดังที่ผู้อำนวยการใหญ่ depa สรุปไว้ว่า “หากประเทศไทยต้องการก้าวไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ภาครัฐต้องมีบทบาทสำคัญในการปรับกฎเกณฑ์ให้ทันสมัย เปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการเติบโตอย่างยั่งยืน และสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่ครอบคลุม”

เสียงสะท้อนทั้ง 8 ข้อนี้ คือ “พิมพ์เขียว” ที่ชัดที่สุดจากภาคเอกชน… คำถามคือ ภาครัฐพร้อมที่จะ “ปลดล็อก” ตัวเองเพื่ออนาคตของเศรษฐกิจดิจิทัลไทยแล้วหรือยัง?

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Block Mountain เชียงใหม่: 4 วัน เจาะลึก Digital Asset และ Bitcoin

ม.หอการค้าไทย ชี้ ‘Digital Paradox’ ฉุดขีดการแข่งขันไทยร่วง 5 อันดับ

×

Share

ผู้เขียน