Share on
×

Share

Uniswap บุกไทย ชู ‘การศึกษา DeFi’ ภารกิจหลักสร้างรากฐานยั่งยืนไม่เน้นเก็งกำไร

Uniswap บุกไทยชู 'การศึกษา DeFi' ภารกิจหลักสร้างรากฐานยั่งยืนไม่เน้นเก็งกำไร

ท่ามกลางภูมิทัศน์ของการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) ซึ่งเป็นระบบการเงินที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง Uniswap ถือเป็นหนึ่งในโปรโตคอลแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลแบบกระจายศูนย์ (DEX) ที่ได้รับการยอมรับในระดับแนวหน้า สะท้อนความสำคัญจากปริมาณการซื้อขายสะสมทั่วโลกที่มีมูลค่าสูงกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 6 เท่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของไทย

ล่าสุด Uniswap ได้ขยายการดำเนินงานเชิงกลยุทธ์ โดยกำหนดให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญ

ในการนี้ กัณฑ์ คลอวุฒินันท์ อดีต APAC Community Manager (CM) ของ Uniswap ได้อธิบายถึงวิสัยทัศน์และภารกิจหลักในประเทศไทย ในงานแถลงข่าว Block Mountian 2026 โดยเน้นย้ำว่า เป้าหมายสูงสุดไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การเก็งกำไร แต่เป็นการวางรากฐานที่สำคัญ คือ “การสร้างระบบนิเวศผ่านการศึกษา”

คุณกัณฑ์ อธิบายเพิ่มเติมว่า ภารกิจหลักคือการมุ่งพัฒนาและส่งเสริมการศึกษา เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้คนทั่วไปได้เข้าใจถึงหลักการพื้นฐาน (Fundamental) อย่างแท้จริงว่า DeFi คืออะไร มีความแตกต่างจากระบบการเงินดั้งเดิมอย่างไร และเทคโนโลยีบล็อกเชนสามารถเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาในรูปแบบใด ซึ่งเป็นแนวทางที่แตกต่างจากการมุ่งเน้นเพียงการซื้อขายเพื่อเก็งกำไร

ไทย: ฐานที่มั่นที่ 3 ในเอเชีย สู่ภารกิจปูพรมความรู้

การขยายตัวสู่ตลาดต่างประเทศของ Uniswap เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทพบว่า 2 ใน 3 ของปริมาณการซื้อขาย (Volume) มาจากนอกสหรัฐอเมริกา ด้วยเหตุนี้ ประเทศไทยจึงถูกกำหนดให้เป็นฐานที่มั่นสำคัญลำดับที่ 3 ในเอเชีย ต่อจากสิงคโปร์และเกาหลีใต้ เพื่อเข้ามาดำเนินงานอย่างจริงจัง

ภารกิจหลักที่นำโดยคุณกัณฑ์ นั้น ไม่ได้เป็นเพียงแนวคิดเชิงนโยบาย แต่ได้ถูกนำไปปฏิบัติจริงโดยมุ่งเน้นการปูพรมความรู้ด้านการศึกษาอย่างครอบคลุม การดำเนินงานนี้ครอบคลุมทุกระดับ ตั้งแต่ผู้ที่ยังไม่มีความรู้พื้นฐาน (Beginner) ไปจนถึงระดับผู้เชี่ยวชาญ (Pro)

ในระดับเริ่มต้น มีการสร้างการรับรู้ในกลุ่มนักศึกษาที่อาจยังไม่มีประสบการณ์กับคริปโทเคอร์เรนซีเลย ตัวอย่างเช่น การจัดกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ซึ่งใช้วิธีแจกชาไข่มุกเพื่อจูงใจให้สแกน QR Code เข้าไปเรียนรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ DeFi และทำแบบทดสอบสั้น ๆ เขายอมรับว่า แม้นักศึกษาอาจคัดลอกคำตอบกันมา แต่กิจกรรมนี้อย่างน้อยก็ช่วยสร้างความตระหนักรู้ หรือทำให้เกิดความสนใจในเบื้องต้นว่า Uniswap และ DeFi คืออะไร

จากนั้น ได้มีการยกระดับการศึกษาไปสู่หลักสูตรที่เป็นทางการในระดับมหาวิทยาลัย เช่น ความร่วมมือกับ Binance TH และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในการสร้างหลักสูตรการเรียนการสอนนาน 15 สัปดาห์ ซึ่งมีความพิเศษคือนักศึกษาสามารถลงทะเบียนเรียนและได้รับหน่วยกิตจริง โดยเปิดกว้างสำหรับนักศึกษาจากทุกคณะ นายกัณฑ์ชี้ว่า ประเทศไทยมีความก้าวหน้าในเรื่องนี้อย่างมากซึ่งหลายประเทศยังไม่สามารถทำได้ ความสนใจในความรู้พื้นฐานนี้ยังสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนจากปรากฏการณ์ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่หลักสูตรซึ่งจัดขึ้นเต็มวันในวันอาทิตย์ (ตั้งแต่ 9.00 น. ถึง 18.00 น.) มีผู้สมัครเต็มภายในเวลาเพียง 3 วัน

ภารกิจการศึกษานี้ยังขยายวงกว้างออกไปในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนงานสัมมนาขนาดใหญ่ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกว่า 450 คน จนต้องเปิดห้องถ่ายทอดสดเพิ่มเติม และได้รับเกียรติจากรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมากล่าวเปิดงาน นอกจากนี้ ยังมีการเจาะกลุ่มผู้เชี่ยวชาญในโลกการเงินดั้งเดิม (Traditional Finance หรือ TradFi) ผ่านการบรรยายให้กลุ่ม CFA Society ซึ่งผู้ฟังครึ่งหนึ่งเป็นผู้ที่ผ่านการรับรอง CFA ระดับ 3 และผู้บริหารจากสถาบันการเงิน นี่คือสัญญาณว่ากลุ่มการเงินดั้งเดิมได้ให้ความสนใจแล้ว

ขณะเดียวกัน สำหรับกลุ่มผู้ใช้งานจริงในระบบ หรือที่เรียกว่า DeFi Natives ก็มีการจัดงาน “Degen Meetup” อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นพื้นที่ให้กลุ่มเทรดเดอร์ นักล่า Airdrop และฟาร์มเมอร์ ได้มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ร่วมกัน

ถอดรหัส Uniswap: $3 Trillion บนความปลอดภัยที่ “ยังไม่เคยถูกแฮก”

ในโลกของการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) ซึ่งโดยธรรมชาติมีความเสี่ยงสูงและมักเผชิญกับการโจมตีทางไซเบอร์ Uniswap กลับสามารถสร้างบันทึกทางสถิติที่น่าทึ่งด้วยปริมาณการซื้อขายสะสมกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยที่ คุณกัณฑ์ ยืนยันว่าโปรโตคอลของ Uniswap “ยังไม่เคยโดนแฮกเลย” ตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการ

อย่างไรก็ตามเขาก็ได้ให้ข้อควรระวัง (Disclaimer) อย่างตรงไปตรงมาว่า “ทุกอย่างในโลก DeFi มีความเสี่ยง” เขายกตัวอย่างกรณีศึกษาของ Terra ซึ่งเคยมีมูลค่าสินทรัพย์ที่ถูกล็อกไว้ในระบบ (Lock) สูงถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ก็ยังสามารถประสบเหตุล่มสลายได้

ความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัยของ Uniswap นั้น มาจากการให้ความสำคัญในหลายมิติ ประการแรกคือหัวใจหลักของเทคโนโลยีที่เรียกว่า Uniswap Protocol ซึ่งเป็น Smart Contract ที่เมื่อถูกติดตั้ง (Deploy) ลงบนระบบบล็อกเชนแล้ว จะมีคุณสมบัติที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ แม้แต่เจ้าของหรือผู้สร้างก็ “ไม่สามารถแก้โค้ดได้” นี่คือหลักประกันความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน

ประการต่อมาคือกระบวนการตรวจสอบ (Audit) ที่เข้มงวด โดยในเวอร์ชันล่าสุด (V4) Uniswap ได้ว่าจ้างบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบโค้ดถึง 7 แห่ง และประการสุดท้ายคือการตั้งรางวัล “ล่าค่าหัว” (Bug Bounty) สำหรับผู้ที่พบช่องโหว่ ด้วยมูลค่าสูงถึง 15.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นจำนวนเงินรางวัลที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์คริปโทเคอร์เรนซี และจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีผู้ใดสามารถเจาะระบบเพื่อรับรางวัลดังกล่าวได้

นอกจากนี้ เขายังได้อธิบายถึงโครงสร้างองค์กรที่มักสร้างความสับสนให้แก่คนทั่วไป โดยชี้แจงว่า Uniswap Labs คือบริษัทเอกชนที่มีฐานอยู่ในนิวยอร์ก ทำหน้าที่เป็นทีมพัฒนาหลักที่อยู่เบื้องหลังโปรโตคอล ซึ่งตัวเขาเองเป็นพนักงานของ Labs ในขณะที่ Uniswap Foundation เป็นองค์กรอีกส่วนหนึ่งที่แยกต่างหาก ทำหน้าที่ดูแลด้านการให้ทุนสนับสนุน (Grants) หรือการตัดสินใจเชิงนโยบายเกี่ยวกับค่าธรรมเนียม (Fee Switch) ซึ่งเป็นส่วนที่เขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

สู่ก้าวต่อไป: “งบพร้อมคนพร้อมลุยการศึกษาเต็มสูบ

สำหรับการดำเนินงานในก้าวต่อไปของ Uniswap นั้น การปรากฏตัวในโอกาสต่าง ๆ ของ APAC Community Manager (CM) ไม่ได้มีจุดประสงค์เพียงเพื่อการบรรยายเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงจุดยืนที่ชัดเจนขององค์กร และเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดความร่วมมือกับพันธมิตรที่สนใจในทิศทางเดียวกัน

คุณกัณฑ์ กล่าวสรุปถึงเป้าหมายนี้ว่า หากมีพันธมิตรใดสนใจดำเนินกิจกรรมด้านการศึกษา เช่น การร่วมเป็นวิทยากรสอนในมหาวิทยาลัย หรือมีความประสงค์จะเชิญไปร่วมกิจกรรมในรูปแบบใดก็ตาม สามารถติดต่อมาได้โดยตรง เขายืนยันว่าทาง Uniswap มีงบประมาณที่จัดสรรไว้สำหรับภารกิจนี้ และมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะสนับสนุนด้านการศึกษาอย่างเต็มกำลัง

ท่าทีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า Uniswap ไม่ได้มองประเทศไทยเป็นเพียงตลาดเพื่อการดำเนินธุรกิจ แต่เล็งเห็นว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางที่มีศักยภาพในการสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้ ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญให้กับการเติบโตของระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) อย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ถอดรหัส Ethereum: ทำไมราคา ‘Underperform’ สวนทางปัจจัยพื้นฐาน?

AWS เลือก ‘ไต้ฝุ่น’ AI ภาษาไทยหนึ่งเดียวในอาเซียนจาก SCB10X เข้าโปรแกรม AI Accelerator

‘จำเป็นไหมต้องมี Bitcoin?’ ซีเคชี้ ‘สมองไหล’ สู่ AI | เซียนมี่เตือนภัย ‘จีน’

×

Share

ผู้เขียน