SCB CIO เผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ช่วงไตรมาส 3 ของปี 2568 มีแนวโน้มออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยได้รับแรงหนุนหลักจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังขยายตัวได้ และกระแสการลงทุนในเทคโนโลยี AI ที่ยังคงเร่งตัว ปัจจัยนี้หนุนให้ SCB CIO คาดการณ์ว่ากำไรต่อหุ้น (EPS) ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้งปี 2568 จะเติบโตได้ในกรอบ 9-10% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
คลายกังวล “ฟองสบู่ AI” ชี้พื้นฐานยังแกร่ง
หนึ่งในประเด็นสำคัญที่นักลงทุนจับตามอง คือการปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงของราคาหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม SCB CIO ประเมินว่า สถานการณ์ปัจจุบันยังไม่น่ากังวลว่าจะซ้ำรอยประวัติศาสตร์ “ฟองสบู่ดอทคอม” เนื่องจากระดับมูลค่า (Valuation) ในปัจจุบัน ที่แม้จะปรับตัวสูงขึ้น แต่ยังคงอยู่ในกรอบที่สามารถรองรับได้ และยังไม่ถือว่าเกินปัจจัยพื้นฐาน
ขณะเดียวกัน ตลาดยังคงคาดการณ์ว่ากำไรต่อหุ้น (EPS) ของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐฯ จะยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงอุปสงค์ (Demand) ที่แข็งแกร่งต่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI
ศรชัย สุเนต์ตา, CFA รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Wealth & Investment Product ธนาคารไทยพาณิชย์ อธิบายเพิ่มเติมว่า ปัจจัยที่แตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างยุคนี้และยุคดอทคอม คือ “โครงสร้างแหล่งเงินทุน”
ในปัจจุบัน บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ส่วนใหญ่ใช้ “กระแสเงินสดและกำไรสะสม” เป็นแหล่งทุนหลักในการขยายศักยภาพและลงทุนด้าน AI ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากยุคฟองสบู่ดอทคอม ที่หลายบริษัทเลือกใช้วิธีลงทุนเกินตัว โดยอาศัยการก่อหนี้ผ่านการออกหุ้นกู้เป็นหลัก
ดังนั้น SCB CIO จึงแนะนำให้ลงทุนใน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับธีม AI เป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตการลงทุนหลัก พร้อมทั้ง เสริมโอกาสการลงทุนในระยะสั้น ด้วยการลงทุนใน หุ้นเทคโนโลยีทั่วโลก เพื่อรับอานิสงส์จากกระแส AI
เจาะปัจจัย “ดอลลาร์อ่อนค่า” เปิดโอกาสลงทุนในตลาดเกิดใหม่ (EM)
ปัจจัยมหภาคสำคัญที่จะกำหนดทิศทางการลงทุนในระยะถัดไป คือแนวโน้มของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่ง SCB CIO ประเมินว่าจะเคลื่อนไหวในทิศทาง “อ่อนค่าลง” โดยมีสาเหตุหลักมาจาก:
- ทิศทางดอกเบี้ย Fed: ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงสู่ระดับประมาณ 3% ภายในเดือนธันวาคม 2569 (จากระดับปัจจุบันที่ 3.75% – 4.00%)
- การหยุดทำ QT: คาดว่า Fed จะยุติการลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening: QT) เพื่อลดแรงกดดันต่อสภาพคล่องของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
- ปัจจัยเชิงโครงสร้าง: ความไม่สมดุลในโครงสร้างทางการคลังของสหรัฐฯ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ กำลังผลักดันให้ธนาคารกลางทั่วโลกเริ่มลดบทบาทของเงินดอลลาร์ในฐานะเงินสำรองของโลก
การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ นี้ วิเคราะห์ว่าจะส่งผลบวกโดยตรงต่อสินทรัพย์ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging markets: EM)
ข้อมูลสถิติในอดีต (ช่วงปี 2540 – 2568) ยืนยันความสัมพันธ์นี้อย่างชัดเจน โดยในช่วงที่เงินดอลลาร์อ่อนค่า ตลาดหุ้น EM สามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 15.5% และ ตลาดตราสารหนี้ EM ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 8.4%
นอกจากนี้ การที่ Fed มีแนวโน้มลดดอกเบี้ย ยังช่วยเปิด “ช่องว่างเชิงนโยบาย” (Policy Spaces) ให้ธนาคารกลางในกลุ่มประเทศ EM สามารถลดอัตราดอกเบี้ยของตนเองได้มากขึ้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ และช่วยลดต้นทุนทางการเงินให้กับบริษัทจดทะเบียน
ด้วยเหตุนี้ SCB CIO จึงมองว่าตลาดหุ้น EM ในภูมิภาคเอเชียมีความน่าสนใจลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดหุ้น จีน, ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่ได้รับประโยชน์หลักจากธีมการลงทุน AI ที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของวัฏจักร
ปัจจัยหนุนด้านเสถียรภาพการค้า และบทบาทของ “ทองคำ“
นอกเหนือจากประเด็นหลัก SCB CIO ยังมองเห็นปัจจัยบวกเพิ่มเติมจาก สถานการณ์ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ผ่อนคลายลง ซึ่งจะช่วยลดความผันผวนของตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก โดยการบรรลุข้อตกลงขยายเวลาการระงับการเก็บภาษีตอบโต้ระหว่างกันออกไปอีก 1 ปี อาจนำไปสู่ข้อตกลงการค้าเต็มรูปแบบในเดือนเมษายน 2569
สำหรับมุมมองต่อสินทรัพย์ทางเลือกอย่าง “ทองคำ” SCB CIO ยังคงมีคำแนะนำที่ชัดเจนว่า “ยังคงต้องมีไว้ในพอร์ตหลักระยะยาว”
เหตุผลหลักคือ บทบาทของทองคำในการเป็นสินทรัพย์ “ป้องกันความเสี่ยง” (Hedging Asset) จากปัจจัยความไม่แน่นอนต่างๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ, เงินเฟ้อ และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
แม้ในระยะสั้น ราคาทองคำอาจมีการชะลอตัว แต่ในระยะยาวยังมีแนวโน้มเป็น “ขาขึ้น” โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการของธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ EM ที่ยังมีแนวโน้มกระจายความเสี่ยงการถือครองสินทรัพย์ในทุนสำรองระหว่างประเทศไปยังทองคำอย่างต่อเนื่อง
คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง รวมถึงควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนตัดสินใจลงทุน เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
SCB WEALTH เบรก ‘อย่าจับจังหวะ’ ซื้อกองทุนภาษีชี้เน้น ‘เวลา-วินัย’ สู้ผันผวน
หลักทรัพย์บัวหลวง พลิกโฉมรีเสิร์ช ชู Data-Driven และข้อมูลปฐมภูมิ




