Share on
×

Share

Easy Money ชู ‘กู้ตัวเอง’ พลิกโฉมโรงรับจำนำ ปลดล็อกทุน 2.7 หมื่นล้าน

Easy Money ชู 'กู้ตัวเอง' พลิกโฉมโรงรับจำนำ ปลดล็อกทุน 2.7 หมื่นล้าน

ภาพจำของลูกกรงเหล็กและความรู้สึกเขินอายยามขัดสนกำลังจะกลายเป็นเพียงอดีต เมื่อ Easy Money ผู้นำธุรกิจโรงรับจำนำอันดับ 1 ของไทย ประกาศวิสัยทัศน์ครั้งใหญ่ Unlocking Thailand’s Asset Potential ปลดล็อกศักยภาพสินทรัพย์คนไทย เปลี่ยนนิยามจาก “ที่พึ่งสุดท้าย” สู่ “จุดเริ่มต้นของโอกาส” ด้วยโมเดลการเงินรูปแบบใหม่ Asset-Backed Financing หรือสินเชื่อทรัพย์ค้ำประกัน

การขยับตัวครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการรีแบรนด์ แต่คือการปฏิวัติโครงสร้างหนี้สินภาคประชาชน ภายใต้การนำของ สิทธิวิชญ์ ตั้งธนาเกียรติ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร และ สุธี พนาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สองแม่ทัพใหญ่ที่นำพานาวาลำนี้ ฝ่าคลื่นเศรษฐกิจ จนสร้างพอร์ตสินเชื่อคงค้างทะยานสู่ 27,000 ล้านบาท พร้อมกำไรสุทธิที่เติบโตแบบก้าวกระโดด

กู้ตัวเองไม่พึ่งใคร: ปรัชญาการเงินฐานรากฉบับใหม่ที่เปลี่ยนสินทรัพย์ให้เป็นอิสรภาพ

ในโลกการเงินยุคปัจจุบัน คำว่าการกู้ยืมมักถูกผูกโยงกับภาระหนี้สินและความกังวลในอนาคต แต่สำหรับ Easy Money ภายใต้วิสัยทัศน์ของ คุณสิทธิวิชญ์ ได้นิยามความหมายของการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเสียใหม่ด้วยแนวคิดที่น่าสนใจว่า

“การใช้สินทรัพย์ค้ำประกัน ไม่ใช่การก่อหนี้ใหม่ แต่คือการกู้ยืมจากสินทรัพย์ของตัวเอง”

ประโยคดังกล่าวเปรียบเสมือนการจุดประกายทางความคิดครั้งสำคัญให้แก่ระบบเศรษฐกิจไทย โดยสามารถขยายความในเชิงปรัชญาและการปฏิบัติได้ 3 มิติ ดังนี้

1. การเปลี่ยนผ่านจากเกณฑ์รายได้ สู่เกณฑ์สินทรัพย์ (From Income-based to Asset-based) คุณสิทธิวิชญ์ ชี้ให้เห็นถึงช่องโหว่ของสถาบันการเงินรูปแบบดั้งเดิมที่มักยึดติดกับระบบ Income-based หรือการประเมินจากที่มาของรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน ซึ่งปิดกั้นโอกาสของกลุ่มคนจำนวนมาก โดยเฉพาะ SMEs และ Freelance ที่แม้จะมีทรัพย์สินสะสม แต่กลับเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน

Easy Money จึงเข้ามาอุดช่องว่างนี้ด้วยระบบ Asset-based Financing มองที่มูลค่าของสินทรัพย์ที่ครอบครองอยู่จริง เปิดโอกาสให้คนตัวเล็กเปลี่ยน ทองคำ เครื่องประดับ หรือสินค้าแบรนด์เนม ให้กลายเป็นสภาพคล่องได้ทันทีโดยไม่มีกำแพงเอกสาร

2. โรงเรียนอนุบาลทางการเงิน: พื้นที่ปลอดภัยสำหรับการเริ่มต้น โมเดลธุรกิจนี้เปรียบเสมือนโรงเรียนอนุบาลทางการเงิน (Financial Kindergarten) ที่มอบความปลอดภัยขั้นสูงสุด เพราะผู้กู้ใช้สิทธิ์ในทรัพย์สินของตนเอง ความเสี่ยงจึงจำกัด (Limited Risk) หากเกิดเหตุสุดวิสัย ผลกระทบสูงสุดคือการสละสิทธิ์ในทรัพย์สินชิ้นนั้นเพียงชิ้นเดียว โดยไม่กระทบต่อเครดิตบูโรหรือประวัติทางการเงิน

3. Bridging Loan: สะพานเชื่อมโอกาส ไม่ใช่กับดักหนี้ นี่ไม่ใช่จุดจบของความขัดสน แต่เป็น Bridging Loan หรือสินเชื่อสะพาน ที่ช่วยเชื่อมต่อระหว่างความต้องการในปัจจุบันกับความสำเร็จในอนาคต เป็นเครื่องมือบริหารสภาพคล่องระยะสั้น (Short-term Liquidity) ให้ผู้คนนำทรัพย์สินมาวางเพื่อก้าวข้ามข้อจำกัดทางการเงินชั่วคราว ก่อนจะไถ่ถอนคืนเมื่อความสำเร็จมาถึง

เมื่อกำไรเติบโตสวนกระแส: ถอดรหัสสัญญาณชีพใหม่ของ SME

ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ผลประกอบการของ Easy Money ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2568 กลับส่งสัญญาณที่น่าสนใจ ตัวเลขทางบัญชีเปิดเผยรายได้รวมที่ 11,997 ล้านบาท (+2.68%) แต่สิ่งที่น่าตกใจคือกำไรสุทธิที่พุ่งทะยานแตะ 1,188 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 43.96%

ส่วนต่างของกำไรที่เติบโตเกือบ 50% นี้ สะท้อนพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนจากผู้เดือดร้อนสู่ ผู้มองหาโอกาส ลูกค้ากลุ่มใหม่คือนักธุรกิจที่ฉลาดใช้เงิน โดยเปลี่ยนสินทรัพย์สะสมเป็นทุนหมุนเวียน เช่น ช่างภาพอิสระ นำกล้อง Leica ราคาแพงมาวางเป็นหลักประกัน เพื่อนำเงินสดไปบริหารจัดการโปรดักชันงานใหญ่ หรือ ผู้ค้าออนไลน์นำทองคำมาเปลี่ยนเป็นเงินทุนเพื่อสต๊อกสินค้าในช่วงแคมเปญ Mega Sale และนำกำไรมาไถ่ถอนทรัพย์สินกลับไป

จากความไว้เนื้อเชื่อใจสู่ความเชื่อมั่นระดับสถาบัน

ในโลกธุรกิจ ความเชื่อมั่น (Trust) คือสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุด ล่าสุด Easy Money ได้รับอนุมัติวงเงินสินเชื่อร่วม (Syndicate Loan) มูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้านบาท จาก 3 สถาบันการเงินชั้นนำ ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์

เม็ดเงิน 3,000 ล้านบาทนี้ คือเครื่องการันตีว่าโมเดลธุรกิจจำนำยุคใหม่เป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดยทำหน้าที่เป็นส่วนต่อขยายที่นำสภาพคล่องจากระบบธนาคารกระจายลงสู่มือประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อยได้อย่างทั่วถึง

High Tech ผสาน High Touch: กุญแจสู่ความสำเร็จ

คุณสุธี ขยายความถึงยุทธศาสตร์การเปลี่ยนผ่านองค์กรว่า หัวใจสำคัญไม่ใช่แค่แอปพลิเคชัน Easy Smart ที่ช่วยให้ลูกค้าทำธุรกรรมได้เพียงปลายนิ้วคลิก แต่คือคน (People-Centric)

“เทคโนโลยีจะไร้ความหมายถ้าขาดคน เทคโนโลยีเข้ามาเสริมพลังให้คนของเราทำงานได้ดีขึ้น ไม่ใช่ทดแทน”คุณสุธี กล่าว

Easy Money จึงมุ่งเน้นการสร้างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มีความหลงใหล (Passion) ในทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นนักดูนาฬิกาหรู หรือผู้เชี่ยวชาญอัญมณี ผสานกับการจัดเก็บทรัพย์สินในห้องมั่นคงมาตรฐานเดียวกับธนาคาร เพื่อให้ลูกค้ากว่า 100,000 ราย มั่นใจได้ว่าทรัพย์สินอันเป็นที่รักจะปลอดภัยที่สุด

ปักธง IPO ปลดล็อกศักยภาพเศรษฐกิจไทย

จากสาขาแรกเมื่อเดือนเมษายน 2548 สู่ 98 สาขาใน 33 จังหวัดทั่วประเทศในปัจจุบัน วันนี้ Easy Money ประกาศเป้าหมายที่ใหญ่กว่าเดิม คือการเดินหน้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (Road to IPO) ภายในระยะเวลาอันใกล้ เพื่อยกระดับสู่การเป็นสถาบันการเงินมหาชนที่โปร่งใสและยั่งยืน

เรื่องราวของ Easy Money ในวันนี้ จึงไม่ใช่เพียงเรื่องเล่าของธุรกิจโรงรับจำนำ แต่คือภารกิจระดับประเทศในการ Unlocking Thailand’s Asset Potential เปลี่ยนสินทรัพย์ที่นอนนิ่งให้กลายเป็นเงินทุนที่มีชีวิต ขับเคลื่อนความฝันและโอกาสของผู้คน ภายใต้แนวคิดที่ว่า “ให้ทุกโอกาสเป็นไปได้”

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

DeFi พลิกโฉมใหญ่การเงินไร้พรมแดนเข้าสู่ยุค Hybrid Finance

ปลดล็อกครั้งใหญ่ไรเดอร์ รย.17 รย.18 ใช้ ‘สำเนาเล่มทะเบียน’ รถติดไฟแนนซ์ได้

×

Share

ผู้เขียน