Share on
×

Share

Zoom พลิกเกม SME: ย้ายเบอร์ 02 ลงมือถือ ผนึก AI ฟรีช่วยลดต้นทุน

Zoom พลิกเกม SME: ย้ายเบอร์ 02 ลงมือถือ ผนึก AI ฟรีช่วยลดต้นทุน

สถิติการขาดทุนต่อเนื่อง 3 ปีซ้อนของผู้ประกอบการ SME กว่า 26% ระหว่างปี 2021-2024 คือสัญญาณอันตรายที่บ่งบอกว่ารูปแบบการทำธุรกิจดั้งเดิมกำลังถึงทางตัน ท่ามกลางสมรภูมิการค้าที่ทรัพยากรมีจำกัดและบุคลากรที่มีศักยภาพหายาก ชลากร ก่อประภากิจ Head of Mid Market Sales, Thailand & Philippines, ZOOM Communications ได้เปิดมุมมองใหม่ของ Zoom บนเวที DigiTech ASEAN Thailand ที่ก้าวข้ามจากการเป็นเพียงแอปพลิเคชันประชุมทางวิดีโอ สู่การเป็น “AI-First Open Work Platform” เครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจไทยฝ่าวิกฤติด้วยต้นทุนที่ควบคุมได้

ทลายกำแพงความเชื่อเดิม: เมื่อเทคโนโลยี AI ไม่จำเป็นต้อง “จ่ายแพง” และ “ใช้งานยาก” เสมอไป

ท่ามกลางกระแสความตื่นตัวด้านเทคโนโลยี ผลสำรวจได้สะท้อนให้เห็นถึงความย้อนแย้งที่น่าสนใจในแวดวงธุรกิจ กล่าวคือ แม้องค์กรกว่า 73% กำลังมองหาและต้องการนำ AI มาช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ แต่ในความเป็นจริงกลับมีเพียง 17% เท่านั้นที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้สำเร็จ ช่องว่างขนาดใหญ่นี้เกิดขึ้นจาก “กำแพงความเชื่อ” และอุปสรรคสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ ความกังวลว่า AI มีต้นทุนที่สูงลิ่ว ความซับซ้อนในการใช้งานที่ยุ่งยาก และความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูลองค์กร

Zoom จึงเข้ามาแก้สมการนี้ด้วยการนำเสนอ Zoom AI Companion ที่มุ่งเปลี่ยนมุมมองและลดอุปสรรคในการเข้าถึงเทคโนโลยี ด้วยจุดยืนที่แตกต่างและชัดเจนใน 3 มิติ ดังนี้

  1. ปลดล็อกพันธนาการด้านต้นทุน (No Additional Cost) ในขณะที่โซลูชัน AI ส่วนใหญ่มักมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่ม (Add-on) ที่สูง แต่ Zoom เลือกที่จะมอบสิทธิ์การใช้งาน AI ให้เป็น “สวัสดิการพื้นฐาน” สำหรับผู้ใช้งาน กล่าวคือ หากองค์กรมี License ของ Zoom ใช้งานอยู่แล้ว ก็สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์ AI ได้ทันทีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีระดับสูงได้โดยไม่ต้องลงทุนซ้ำซ้อน
  2. สร้างมาตรฐานความเชื่อมั่นด้านข้อมูล (Uncompromised Trust) ความกังวลใจสูงสุดของผู้บริหารคือ “ความลับของบริษัทจะรั่วไหลหรือไม่หากใช้ AI” Zoom จึงให้ความสำคัญสูงสุดกับนโยบายความเป็นส่วนตัว โดยยืนยันอย่างหนักแน่นว่าจะ ไม่นำข้อมูลของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเสียง วิดีโอ หรือข้อความแชท ไปใช้ในการฝึกสอน (Train) โมเดล AI ของตนเอง ทำให้องค์กรสามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจว่าข้อมูลสำคัญจะยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ขององค์กรแต่เพียงผู้เดียว
  3. เน้นผลลัพธ์ที่จับต้องได้จริง (Real-World Value) แทนที่จะสร้าง AI ที่ดูหวือหวาแต่ใช้งานจริงไม่ได้ Zoom มุ่งพัฒนา AI ที่เน้นผลลัพธ์ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพ (Productivity) เป็นหลัก โดยออกแบบมาให้ลดความซับซ้อนของกระบวนการทำงาน (Workflow) ช่วยสรุปเนื้อหา ช่วยร่างอีเมล และช่วยจัดการงานเอกสาร เพื่อให้พนักงานมีเวลาโฟกัสกับเนื้องานที่มีคุณค่าสูงกว่า

Zoom Phone: พลิกโฉมระบบโทรศัพท์สำนักงาน ยกระดับเบอร์ “02” สู่แพลตฟอร์มดิจิทัลบนสมาร์ทโฟน

หนึ่งในไฮไลต์สำคัญที่เปรียบเสมือนจุดเปลี่ยน (Game Changer) สำหรับธุรกิจ SME ในยุคปัจจุบัน คือการเปิดตัวนวัตกรรม “Zoom Phone Native” โซลูชันที่เข้ามาปฏิวัติรูปแบบการสื่อสารด้วยการย้ายระบบโทรศัพท์สำนักงานแบบดั้งเดิม หรือที่เราคุ้นเคยกันในรูปแบบ “เบอร์ 02” ขึ้นสู่ระบบ Cloud อย่างเต็มรูปแบบ ช่วยให้การใช้งานโทรศัพท์สำนักงานสามารถทำผ่านสมาร์ทโฟนได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งนวัตกรรมนี้เข้ามาช่วยปิดจุดอ่อนและยกระดับการสื่อสารขององค์กรใน 4 มิติสำคัญ ดังนี้

  1. สร้างความเป็นมืออาชีพที่พกพาไปได้ทุกที่ (Portable Professionalism) ลบภาพจำเดิมของการใช้เบอร์มือถือส่วนตัวติดต่อลูกค้า ซึ่งอาจลดทอนความน่าเชื่อถือของธุรกิจ Zoom Phone เข้ามาแก้ปัญหานี้โดยอนุญาตให้พนักงานสามารถโทรออกหาลูกค้าผ่านแอปพลิเคชัน โดยปลายทางจะเห็นเป็นหมายเลข “02” ของบริษัท ไม่ว่าตัวพนักงานจะทำงานอยู่ที่บ้าน ร้านกาแฟ หรือต่างจังหวัด สิ่งนี้ช่วยสร้างภาพลักษณ์ความเป็นมืออาชีพและสร้างความมั่นใจให้กับคู่ค้าได้ในทุกสถานการณ์
  2. มอบความยืดหยุ่นไร้ขีดจำกัด (Unlimited Flexibility) เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์การทำงานยุคใหม่ ระบบถูกออกแบบให้หนึ่งหมายเลขโทรศัพท์สามารถเชื่อมต่อและใช้งานได้พร้อมกันสูงสุดถึง 18 อุปกรณ์ (Devices) ฟีเจอร์นี้ช่วยสร้างความต่อเนื่องในการทำงาน ยกตัวอย่างเช่น หากโทรศัพท์มือถือแบตเตอรี่หมด หรือเกิดเหตุขัดข้องระหว่างการสนทนา ผู้ใช้งานสามารถสลับไปคุยต่อบน Tablet หรือ Laptop ได้ทันทีโดยที่การสื่อสารไม่สะดุดหรือขาดตอน
  3. การบริหารจัดการทรัพยากรและความคุ้มค่า (Efficient Management & Cost Control) ในมิติของการบริหารจัดการ Zoom Phone ช่วยแก้ปัญหาเรื้อรังเรื่องพนักงานลาออกแล้วนำเบอร์ติดต่อพร้อมฐานลูกค้าติดตัวไปด้วย เพราะในระบบนี้ “เบอร์โทรศัพท์” จะยังคงเป็นสินทรัพย์ของบริษัทที่สามารถส่งต่อให้พนักงานคนใหม่ดูแลต่อได้ทันที นอกจากนี้ ในมิติด้านต้นทุน ยังมีแพ็กเกจแบบโทรเหมาจ่าย (Unlimited Calling) ในราคาเริ่มต้นประมาณ 20 เหรียญสหรัฐ ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถควบคุมงบประมาณรายเดือนได้อย่างแม่นยำ ตัดความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายส่วนเกินจากค่าโทรทางไกลที่บานปลาย
  4. เชื่อมต่อธุรกิจข้ามพรมแดน (Borderless Connectivity) ทลายกำแพงทางภูมิศาสตร์ด้วยฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนหมายเลขโทรออก (Caller ID) ให้แสดงเป็นเบอร์ท้องถิ่นของประเทศปลายทางได้ เช่น จีน หรือ ญี่ปุ่น แม้ว่าตัวผู้โทรจะนั่งทำงานอยู่ที่เมืองไทยก็ตาม ฟีเจอร์นี้ช่วยอำนวยความสะดวกในการติดต่อประสานงานกับคู่ค้าต่างชาติ เพิ่มโอกาสในการรับสายและสร้างความรู้สึกใกล้ชิดในการทำธุรกิจข้ามประเทศ

1 วันกับ “AI Companion”: เมื่อเทคโนโลยีถูกยกระดับสู่สถานะ “เพื่อนร่วมงานคู่ใจ”

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนว่าเทคโนโลยีสามารถแทรกซึมและยกระดับคุณภาพชีวิตการทำงานได้อย่างไร คุณชลากรได้ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านสถานการณ์จำลองของพนักงานยุคใหม่ชื่อ “สมศรี” ผู้ซึ่งมีเทคโนโลยี AI เป็นเสมือนเลขาส่วนตัวที่คอยสนับสนุนในทุกย่างก้าวตลอดทั้งวันทำงาน ดังนี้

เริ่มต้นเช้าวันใหม่อย่างมีทิศทาง (Smart Morning Routine) แทนที่จะตื่นมาพร้อมความสับสนว่าต้องทำอะไรบ้าง ทันทีที่จิบกาแฟยามเช้า AI จะเข้ามาทำหน้าที่สังเคราะห์ข้อมูล สรุปตารางงาน และวางแผนลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันให้ทันที ช่วยให้พนักงานสามารถเตรียมตัวและจัดการความคิดได้อย่างเป็นระบบตั้งแต่ยังไม่ก้าวเท้าออกจากบ้าน

ผู้ช่วยอัจฉริยะในห้องประชุม (Seamless Meeting Catch-Up) ในโลกการทำงานจริงที่ตารางเวลาอาจคาบเกี่ยวกัน หากเราจำเป็นต้องเข้าประชุมสายไปบ้าง ฟีเจอร์ “Catch Me Up” จะเข้ามาแก้ปัญหานี้อย่างชาญฉลาด ด้วยการประมวลผลและสรุปเนื้อหาการประชุมในช่วงที่เราพลาดไปให้ทราบทันที ความสามารถที่โดดเด่นคือการตรวจจับว่ามีใครเอ่ยชื่อหรือพาดพิงถึงเราในบริบทใดบ้าง ช่วยให้เราสามารถเชื่อมต่อกับวงสนทนาได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ตกหล่นประเด็นสำคัญ

ยกระดับทีมขายด้วยโค้ชส่วนตัว (Data-Driven Sales Coaching) สำหรับสายงานที่ต้องใช้ทักษะการเจรจา ฟีเจอร์ Zoom Revenue Accelerator จะทำหน้าที่เสมือนโค้ชส่วนตัวที่คอยมอนิเตอร์การทำงาน โดยระบบจะใช้ AI วิเคราะห์บทสนทนาในเชิงลึก ทั้งเรื่องของอารมณ์ความรู้สึก (Sentiment) น้ำเสียง และจังหวะความเร็วในการพูดของพนักงานขาย เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้มาประเมินและปรับปรุงเทคนิคการนำเสนอ ช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขายให้ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น

ลดภาระงานเอกสาร คืนเวลาให้งานสำคัญ (Automated Admin Tasks) งานธุรการที่เคยเสียเวลามากที่สุดอย่างการจดบันทึกจะถูกจัดการด้วยระบบ Real-Time Call Summary บน Zoom Phone ที่สามารถ “ฟัง” และ “สรุป” ประเด็นสำคัญจากการสนทนาทางโทรศัพท์ได้แบบเรียลไทม์ รวมถึงการระบุสิ่งที่ต้องทำต่อ (Next Step) ให้โดยอัตโนมัติ ยิ่งไปกว่านั้น ระบบยังสามารถเชื่อมต่อและส่งข้อมูลเหล่านี้เข้าสู่ระบบ CRM ขององค์กรได้ทันที ทำให้พนักงานขายไม่ต้องเสียเวลามานั่งพิมพ์บันทึกย้อนหลัง และมั่นใจได้ว่าข้อมูลลูกค้าจะถูกจัดเก็บอย่างครบถ้วน

บทสรุป: พลิกวิธีคิด เริ่มต้นที่ “โจทย์” แล้วให้ AI เป็น “คำตอบ” แห่งความสำเร็จ

Using Zoom to Attract New Customer

คุณชลากรได้ฝากแง่คิดที่มีนัยสำคัญสำหรับการทำธุรกิจในยุคดิจิทัล โดยเน้นย้ำว่า การตัดสินใจนำเทคโนโลยี AI เข้ามาปรับใช้ในองค์กรนั้น ไม่ควรเกิดขึ้นเพียงเพราะต้องการเกาะกระแสความตื่นตัวของสังคม แต่จุดเริ่มต้นที่แท้จริงของความสำเร็จต้องมาจากการตั้งโจทย์ หรือ “Problem Statement” ที่ชัดเจนและแม่นยำเสียก่อน

ผู้ประกอบการจำเป็นต้องกลับมาสำรวจเป้าหมายของตนเองอย่างถ่องแท้ว่า ปัญหาที่ต้องการแก้ไขคืออะไร หรือเป้าหมายสูงสุดในขณะนี้คือสิ่งใด ไม่ว่าจะเป็นความต้องการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายที่บานปลาย การเร่งเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้รวดเร็วขึ้น หรือความพยายามในการขยายฐานลูกค้าเพื่อเปิดตลาดใหม่ เมื่อได้โจทย์ที่ชัดเจนแล้ว เทคโนโลยีจึงจะเข้ามาทำหน้าที่เป็นเครื่องมือในการตอบโจทย์นั้นได้อย่างตรงจุด

ในบริบทนี้ Zoom ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า วันนี้พวกเขาไม่ได้เป็นเพียงแอปพลิเคชันสำหรับการประชุมทางวิดีโออย่างที่หลายคนคุ้นชิน แต่ได้ยกระดับสู่การเป็น “แพลตฟอร์มเปิดระดับองค์กร” (Open Work Platform) ที่มีความยืดหยุ่นสูง พร้อมที่จะเชื่อมต่อและบูรณาการเข้ากับทุกระบบการทำงานเดิมขององค์กร เพื่อเป็นรากฐานสำคัญให้ SME ไทยสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดเดิม ๆ และเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Gemini 3: จบยุค Chatbot กูเกิลส่ง ‘AI Agent’ ลงสนาม คิดเอง-ทำเอง-เสกหน้าจอได้จริง

×

Share

ผู้เขียน