“ความยั่งยืน” มิใช่เพียงกระแสสังคมอีกต่อไป แต่ได้ยกระดับขึ้นเป็น “มาตรวัดมูลค่ากิจการ” ที่สำคัญเทียบเท่ากับผลกำไร การเปลี่ยนแปลงของมาตรฐานการรายงานระดับโลกกำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนให้ภาคธุรกิจไทยต้องปรับตัวครั้งใหญ่ สถาบันไทยพัฒน์จึงเปิดเวทีเจาะลึกทิศทางใหม่นี้ วรณัฐ เพียรธรรม ผู้อำนวยการ สถาบันไทยพัฒน์ และ ณานสิทธิ์ ยอดพฤติการณ์ นักวิจัยอาวุโส สถาบันไทยพัฒน์ มาร่วมวิเคราะห์เจาะลึกอนาคตที่ไม่ได้หยุดอยู่แค่การรายงาน แต่คือการรักษา “ความเชื่อมั่น” ของนักลงทุน
ทลายข้อจำกัด “งบการเงิน” เดิม: เมื่ออดีตบอกอนาคตไม่ได้
วรณัฐ เพียรธรรม เปิดประเด็นด้วยมุมมองที่แหลมคมต่อสถานการณ์ปัจจุบันว่า โลกการเงินกำลังต้องการข้อมูลที่มากกว่าแค่ตัวเลขกำไรขาดทุน งบการเงินแบบดั้งเดิม (Financial Statement) เปรียบเสมือน “ภาพถ่าย” (Snapshot) ที่บันทึกเหตุการณ์และผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นและจบไปแล้ว ณ ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น
ทว่าโลกธุรกิจปัจจุบันมีความผันผวนสูง ข้อมูลเพียงแค่นั้นไม่เพียงพออีกต่อไป นักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholders) ต้องการข้อมูลที่มีความรอบด้านเพื่อประเมิน มูลค่ากิจการ (Enterprise Value) ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งคุณวรณัฐระบุว่า มาตรฐานใหม่ IFRS S1 และ S2 จะเข้ามาเติมเต็มใน 2 มิติที่งบการเงินเดิมขาดหายไป
1. มิติของพื้นที่ (Space): เป็นการมองให้ทะลุกรอบกำแพงองค์กร ขยายมุมมองออกไปให้ครอบคลุมตลอดทั้ง “ห่วงโซ่คุณค่า” (Value Chain) ตั้งแต่ ต้นน้ำ เช่น ความเสี่ยงของซัพพลายเออร์ แหล่งวัตถุดิบ ไปจนถึง ปลายน้ำ อย่างพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
2. มิติของเวลา (Time): คือการเชื่อมโยงสู่อนาคต ในขณะที่งบการเงินมองย้อนกลับหลัง (Backward-looking) มาตรฐานใหม่คือเครื่องมือสื่อสารที่มุ่งไปข้างหน้า (Forward-looking) ทั้งการเตรียมพร้อมรับมือกับ ความเสี่ยง (Risk)และการมองหา โอกาส (Opportunity) ที่ซ่อนอยู่ในทุกวิกฤติ
คุณวรณัฐ สรุปใจความสำคัญว่า IFRS S1 และ S2 จึงไม่ได้มาเพื่อ “แทนที่” แต่มาเพื่อเป็น “ตัวเชื่อม” (Connector) ผสานข้อมูลด้านความยั่งยืนให้สะท้อนกลับมายังมูลค่าของกิจการ ทำให้นักลงทุนมองเห็นภาพรวมขององค์กรได้ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด
เจาะลึก IFRS S2: เมื่อโจทย์ Climate ไม่ใช่แค่ “น้ำท่วม”
ในภาคเจาะลึกมาตรฐาน IFRS S2 คุณณานสิทธิ์ ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate) ท่านระบุว่า หลายองค์กรยังติดกับดักความคิดเดิม ๆ ที่มอง Climate Risk เป็นเพียงภัยพิบัติทางกายภาพ เช่น น้ำท่วม หรือ พายุ แต่ความจริงแล้ว วิกฤติโลกร้อนส่งผลกระทบที่ซับซ้อนลึกซึ้งไปถึงระบบนิเวศ
“ยุง 3 ตัว” ที่สั่นสะเทือนไอซ์แลนด์ คุณณานสิทธิ์ ยกกรณีศึกษาที่กระตุกความคิด คือกรณีของประเทศไอซ์แลนด์ ดินแดนน้ำแข็งที่ไม่เคยมีประวัติพบยุงมาก่อน แต่เมื่ออุณหภูมิโลกสูงขึ้น กลับเริ่มตรวจพบยุง 3 ตัว ซึ่งฟังดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่กลับกลายเป็นปัญหาระดับประเทศ เพราะมันสะท้อนว่าระบบนิเวศเปลี่ยน เชื้อโรคใหม่ ๆ อาจแพร่ระบาด และประเทศต้องวางแผนสาธารณสุขใหม่ทั้งหมด
นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนว่า Climate Risk คือโดมิโนที่ล้มต่อกันไปจนถึงความเสี่ยงด้านโรคอุบัติใหม่และการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต
กับดัก Scenario Analysis: “ความครอบคลุม” สำคัญกว่า “ความแม่นยำ” คุณณานสิทธิ์ ยังเน้นย้ำถึงความเข้าใจผิดเรื่องการทำ Scenario Analysis (การวิเคราะห์ภาพอนาคต) ที่หลายองค์กรพยายามทุ่มทุนสร้างแบบจำลองเพื่อทำนายอนาคตให้ “แม่นยำ” (Accurate) ที่สุด
“เป้าหมายของ Scenario Analysis ไม่ใช่ความแม่นยำราวกับตาเห็น แต่คือ ความครอบคลุม (Comprehensive) เพื่อให้องค์กรเห็นความเสี่ยงรอบด้าน และเตรียม แผนรับมือ (Resilience Plan) ให้ธุรกิจรอดและฟื้นตัวได้เร็วที่สุด (Quick Recovery) เมื่อเกิดวิกฤต” คุณณานสิทธิ์ กล่าว
ความท้าทายใหม่: เมื่อ ESG ต้องคุยภาษาเดียวกับ “บัญชี”
คุณวรณัฐ กลับมาชี้ให้เห็นถึง “บททดสอบใหญ่” ของคนทำงาน ว่าการทำรายงานตามมาตรฐานใหม่นี้ ไม่สามารถแยกส่วนทำแบบ “ไซโล” (Silo) ได้อีกต่อไป ข้อมูลความยั่งยืนต้องถูก “บูรณาการ” (Integrated) เข้ากับกลยุทธ์องค์กร และต้องไหลไปบรรจบที่ “บรรทัดสุดท้าย” (Bottom Line) ของงบการเงิน
“นักลงทุนจะดูความจริงใจผ่านตัวเลข ถ้าคุณบอกว่ามีความเสี่ยงน้ำท่วมสูง แต่ในงบการเงินกลับไม่มีการตั้งสำรองเบี้ยประกันภัย (Insurance Premium) ไว้เลย ข้อมูลสองส่วนนี้ถือว่าขัดแย้งกัน”
ข้อมูลต้อง “คุยกันรู้เรื่องและสอดคล้องกัน” นี่คือหัวใจสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน
ทางออกใหม่: “Report LM” ผู้ช่วยอัจฉริยะที่ไม่ได้มาเล่น ๆ
ท่ามกลางความซับซ้อนนี้ สถาบันไทยพัฒน์ได้นำเสนอทางออกที่เป็นรูปธรรมผ่าน “Report LM” นวัตกรรม AI ที่พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยจัดทำรายงาน IFRS S1/S2 โดยเฉพาะ
ฉีกกฎ AI ทั่วไป: คุณวรณัฐ อธิบายว่า Report LM ต่างจาก ChatGPT ตรงที่ใช้เทคโนโลยี RAG (Retrieval Augmented Generation) ซึ่งจะดึงข้อมูลจาก “เอกสารสาธารณะของบริษัทเท่านั้น” มาประมวลผล ทำให้ตัดปัญหาเรื่อง AI “มโนข้อมูล” (Hallucination) หรือเอาข้อมูลมั่วจากอินเทอร์เน็ตมาตอบ
Gap Analysis: คุณณานสิทธิ์ เสริมว่า ระบบนี้ทำหน้าที่เหมือน Auditor ส่วนตัว ที่ช่วยทำ Gap Analysis ชี้เป้าได้ทันทีว่าข้อมูลส่วนไหน “ขาดหายไป” เช่น ระบุความเสี่ยงแล้ว แต่ลืมใส่ผลกระทบทางการเงิน ระบบจะแจ้งเตือนให้ผู้จัดทำหาข้อมูลมาเติมให้สมบูรณ์ก่อนเผยแพร่
ไม่ใช่แค่รายงาน แต่คือ “พิมพ์เขียว” แห่งอนาคต
การเสวนาครั้งนี้ตอกย้ำว่า การปรับตัวสู่มาตรฐาน IFRS S1 และ S2 ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็น “ทางรอด” (Survival) ในการรักษาความสามารถในการแข่งขัน
สำหรับผู้บริหารและองค์กรที่ต้องการเตรียมความพร้อม สถาบันไทยพัฒน์เตรียมจัดอบรมหลักสูตรเจาะลึก “ข้อกำหนด GRI และ IFRS” ในรูปแบบออนไลน์ วันที่ 4 ธันวาคม 2568 นี้ พร้อมรับใบประกาศนียบัตรจาก GRI โดยตรง เพื่อติดอาวุธให้ธุรกิจไทยพร้อมรับมือกับคลื่นความเปลี่ยนแปลงนี้ได้อย่างมั่นคง




