Share on
×

Share

ชี้เป้า-เชื่อมโยง-ช่วยเหลือ: ปฏิบัติการเทคโนโลยีรับมือน้ำท่วมภาคใต้

ชี้เป้า-เชื่อมโยง-ช่วยเหลือ: ปฏิบัติการเทคโนโลยีรับมือน้ำท่วมภาคใต้

สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2568 โดยเฉพาะพื้นที่เศรษฐกิจอย่างอำเภอหาดใหญ่และจังหวัดสงขลา ซึ่งกำลังเผชิญกับปริมาณฝนสะสมสูงสุดในรอบ 300 ปี ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมเป็นวงกว้างและสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมาก

นอกเหนือจากการปฏิบัติงานของหน่วยงานบรรเทาสาธารณภัยที่กำลังเร่งเข้าถึงพื้นที่วิกฤติ ยังมีความเคลื่อนไหวสำคัญในมิติของการบริหารจัดการข้อมูล หรือ Data Management โดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีและนวัตกรรมดิจิทัล ซึ่งได้เข้ามามีบทบาทในการสนับสนุนการตัดสินใจ เชื่อมโยงข้อมูล และบริหารจัดการทรัพยากรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ดังรายละเอียดต่อไปนี้

การบูรณาการข้อมูลภาคประชาชนและหน่วยงานรัฐ

Jitasa-care App

ความเคลื่อนไหวสำคัญของภาคประชาสังคม คือการเปิดใช้งานแพลตฟอร์ม “Jitasa.Care” (จิตอาสาดูแลไทย) เต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 24-25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา แพลตฟอร์มดังกล่าวทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลและระบุพิกัดผู้ขอความช่วยเหลือ (SOS) เพื่อลดปัญหาความคลาดเคลื่อนของการสื่อสารในพื้นที่

ล่าสุด ได้มีการเชื่อมโยงข้อมูลจากระบบดังกล่าวเข้าสู่ศูนย์ปฏิบัติการของ “มูลนิธิกระจกเงา” และ “กองทัพภาคที่ 4” เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลกลางในการจัดสรรทรัพยากรและวางแผนเข้าพื้นที่ ทำให้การส่งมอบความช่วยเหลือมีความแม่นยำและครอบคลุมพื้นที่ตกสำรวจ โดยมีกลุ่มอาสาสมัครด้านเทคโนโลยีทำหน้าที่ตรวจสอบและคัดกรองความถูกต้องของข้อมูล (Data Verification) ก่อนส่งต่อให้ทีมปฏิบัติการภาคสนาม

การวิเคราะห์ข้อมูลดาวเทียมและการประเมินสถานการณ์

ในส่วนของข้อมูลเชิงวิชาการ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) ได้เปิดเผยภาพถ่ายจากดาวเทียม Sentinel-1A ซึ่งระบุตัวเลขพื้นที่น้ำท่วมขังล่าสุดกว่า 334,895 ไร่ ครอบคลุม 7 จังหวัดภาคใต้ ข้อมูลดังกล่าวถูกนำมาใช้ประเมินความรุนแรงของสถานการณ์และทิศทางของมวลน้ำ เพื่อประกอบการประกาศพื้นที่ภัยพิบัติและการวางแผนบริหารจัดการน้ำในระดับมหภาค

ขณะเดียวกัน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้จัดตั้ง “Chula Digital War Room” เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน โดยความร่วมมือกับมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก เพื่อนำข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) มาวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงและประเมินสถานการณ์แบบ Real-time สนับสนุนการวางแผนเส้นทางเดินเรือกู้ภัยในพื้นที่ประสบภัยที่มีความซับซ้อนและเข้าถึงยาก

ช่องทางการสื่อสารและการรับแจ้งเหตุผ่านระบบดิจิทัล

ด้านการบริหารจัดการเรื่องร้องเรียน กรมประชาสัมพันธ์และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้กำหนดให้ระบบ “Traffy Fondue” (ทราฟฟี่ฟองดูว์) ผ่านช่องทาง LINE Official Account เป็นช่องทางหลักในการรับแจ้งเหตุ ระบบดังกล่าวใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการคัดแยกประเภทปัญหาและส่งต่อข้อมูลไปยังหน่วยงานท้องถิ่นที่รับผิดชอบโดยตรง ช่วยลดขั้นตอนการปฏิบัติงานทางธุรการและเพิ่มความรวดเร็วในการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน เช่น กรณีถนนตัดขาด หรือพื้นที่น้ำท่วมสูงที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน

สถานการณ์อุทกภัยในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้ในการจัดการภัยพิบัติ (Disaster Management) ตั้งแต่กระบวนการรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์สถานการณ์ผ่านภาพถ่ายดาวเทียม จนถึงการบริหารจัดการทรัพยากรผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล การผสานการทำงานระหว่างข้อมูลเทคโนโลยีและหน่วยงานปฏิบัติการ ถือเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรับมือกับวิกฤตการณ์ธรรมชาติที่มีความรุนแรงในปัจจุบัน

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ดีป้า ชู Digital Skill Roadmap สร้างกำลังคนดิจิทัลเพิ่ม 1 ล้านคนต่อปี ดึง Global Tech ร่วมพัฒนาหลักสูตร

ดีอี-ดีป้า อัปเกรด ‘HelpT’ เพิ่มการแจ้งเตือนและขอความช่วยเหลือเหตุแผ่นดินไหว

×

Share

ผู้เขียน