เจาะลึกวิกฤติวงการครีเอเตอร์ไทยภายใต้ภาพความสำเร็จ ขจร เจียรนัยพานิชย์ จากเวที iCreator Conference ตีแผ่ปัญหาเชิงโครงสร้างและความเปราะบางที่ซ่อนอยู่ พร้อมประกาศจัดตั้ง ‘สมาคมคอนเทนต์ครีเอเตอร์แห่งประเทศไทย’ เพื่อยกระดับวิชาชีพและสร้างความมั่นคงที่ยั่งยืน
ภายใต้ฉากหน้าของยอดผู้ติดตามหลักล้านและรายได้ที่ดูมหาศาล ซึ่งเป็นภาพจำที่ทำให้คนรุ่นใหม่จำนวนมากปรารถนาจะก้าวเข้าสู่เส้นทางสายคอนเทนต์ครีเอเตอร์ แท้จริงแล้ววงการนี้กำลังเผชิญกับวิกฤติความมั่นคงที่ซ่อนเร้นอยู่อย่างเงียบเชียบ เวที iCreator ในปีนี้โดยการนำของ ขจร เจียรนัยพานิชย์ ผู้จัดงาน iCreator Conference จึงไม่ได้ทำหน้าที่เพียงแค่เวทีประกาศเทรนด์การตลาดประจำปีเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงสำคัญในการเรียกร้องศักดิ์ศรีและความเป็นธรรมคืนให้กับกลุ่มคนที่เป็นความหวังใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ
ในขณะที่เด็กรุ่นใหม่มองเห็นภาพลักษณ์ของความอิสระและความร่ำรวย ข้อมูลเชิงลึกจาก iCreator Report คุณขจรนำเสนอได้สะท้อนความจริงอีกด้านที่น่าตกใจว่า ครีเอเตอร์จัดเป็นหนึ่งในกลุ่มอาชีพที่มีความเสี่ยงต่อสภาวะโรคซึมเศร้าสูงที่สุดอาชีพหนึ่งในโลก สาเหตุสำคัญไม่ได้เกิดจากการทำงานหนักเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากแรงกดดันมหาศาลที่มองไม่เห็น ทั้งความคาดหวังจากสังคม การต้องรับมือกับความคิดเห็นเชิงลบ และความผันผวนของยอดวิวที่ส่งผลต่อรายได้และความรู้สึกโดยตรง
ประเด็นที่วิกฤตยิ่งกว่าสุขภาพจิตตามมุมมองของคุณขจรคือความเปราะบางเชิงโครงสร้างพื้นฐาน แม้ครีเอเตอร์จะสร้างรายได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจำนวนมาก แต่ในทางกฎหมายและเอกสารราชการ อาชีพนี้กลับยังไม่ถูกบรรจุเป็นอาชีพอย่างเป็นทางการ ส่งผลให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางสวัสดิการอย่างรุนแรง ผู้ประกอบอาชีพนี้เข้าถึงระบบประกันสังคมได้เพียงระดับพื้นฐานที่สุด ซึ่งสิทธิประโยชน์น้อยกว่าพนักงานประจำอย่างเทียบไม่ได้ อีกทั้งยังขาดสิทธิขั้นพื้นฐานที่แรงงานควรได้รับ เช่น สิทธิการลาคลอด หรือสวัสดิการว่างงาน รวมถึงปัญหาเครดิตทางการเงิน เมื่อไม่มีสถานะอาชีพที่ชัดเจน การทำธุรกรรมทางการเงินจึงกลายเป็นเรื่องยากลำบาก ไม่ว่าจะเป็นการสมัครบัตรเครดิต หรือการยื่นกู้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งมักถูกปฏิเสธจากสถาบันการเงินเนื่องจากขาดความน่าเชื่อถือในรูปแบบเอกสาร สถานการณ์เหล่านี้ไม่ใช่เพียงคำขู่ แต่คือเสียงสะท้อนจากความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจริงกับผู้คนในแวดวงนี้ คุณขจรระบุว่ามีจำนวนรวมกว่า 100,000 คนทั่วประเทศไทย
ภูมิทัศน์ใหม่แห่งโลกคอนเทนต์ การล่มสลายของศูนย์กลาง และการเปลี่ยนผ่านของเครื่องมือ
ขจรยังได้คลี่ภาพให้เห็นถึงพลวัตใหม่ของวงการสื่อและคอนเทนต์ที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โดยในปีที่ผ่านมาได้เกิดการกระจายอำนาจจากจุดศูนย์กลางเดิมไปสู่พื้นที่ใหม่และวิธีการใหม่ ๆ อย่างชัดเจน มายาคติเดิมที่เชื่อว่าผู้ผลิตคอนเทนต์หรืออินฟลูเอนเซอร์จะต้องกระจุกตัวอยู่เพียงในย่านธุรกิจใจกลางกรุงเทพฯ อย่างสยามหรือสุขุมวิท ได้ถูกทลายลงอย่างสมบูรณ์ ข้อมูลล่าสุดชี้ให้เห็นการกระจายตัวครั้งสำคัญ เมื่อ 1 ใน 4 ของครีเอเตอร์ไทยในปัจจุบันคือผู้ที่พำนักและทำงานอยู่ในต่างจังหวัด ปัจจัยสนับสนุนสำคัญคือการเติบโตของระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และระบบโลจิสติกส์ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้คนรุ่นใหม่ไม่ว่าจะอยู่ในภาคเหนือ ภาคอีสาน หรือภาคใต้ สามารถสร้างสรรค์ผลงานและสร้างอาณาจักรทางธุรกิจของตนเองได้จากที่บ้าน โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางย้ายถิ่นฐานเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อแสวงหาโอกาสอีกต่อไป
พฤติกรรมการเสพสื่อของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปส่งผลกระทบโดยตรงต่อกระบวนการผลิต เมื่อวิดีโอสั้นหรือ Short Video ได้ก้าวขึ้นมาเป็นรูปแบบคอนเทนต์อันดับหนึ่งที่ทั้งผู้ชมต้องการเสพและครีเอเตอร์ต้องการผลิตมากที่สุด ปรากฏการณ์นี้ส่งผลให้บัลลังก์ของเครื่องมือระดับมืออาชีพสั่นคลอน โปรแกรมตัดต่อยอดนิยมอันดับ 1 ของครีเอเตอร์ไทยในปัจจุบันไม่ใช่ซอฟต์แวร์ที่ซับซ้อนอย่าง Adobe Premiere Pro อีกต่อไป แต่ถูกแทนที่ด้วย CapCut ที่เน้นความสะดวกรวดเร็ว ในขณะที่โปรแกรมสร้างภาพยอดนิยมไม่ใช่ Photoshop แต่กลายเป็น Canva สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่าความรวดเร็วและความสามารถของ AI ในการช่วยทุ่นแรง ได้กลายเป็นปัจจัยชี้ขาดที่สำคัญยิ่งกว่าความซับซ้อนของเครื่องมือ
ในสมรภูมิแพลตฟอร์ม คุณขจรชี้ว่า TikTok ได้แสดงศักยภาพการเติบโตที่น่าจับตามองที่สุด ด้วยอัตราการเติบโตถึง 26% และมีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นกว่า 11 ล้านคน ส่งผลให้ TikTok ก้าวขึ้นมาเป็นแพลตฟอร์มอันดับ 2 ของประเทศเทียบเท่ากับ LINE แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าตัวเลขผู้ใช้ คือพฤติกรรมการเสพเนื้อหาที่เปลี่ยนไป หมวดหมู่คอนเทนต์ที่เติบโตสูงสุดและเข้ามาติด Top 12 ไม่ใช่เพียงความบันเทิงทั่วไป แต่กลับเป็นเนื้อหาเชิงสาระและจิตวิญญาณ ได้แก่ การศึกษาเชิงบันเทิง วัฒนธรรม และแรงบันดาลใจ ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่าสังคมไทยกำลังโหยหาอาหารสมองในรูปแบบที่ย่อยง่ายและเข้าถึงได้ทันที
ทางรอดใหม่ เมื่อไม่ง้อแบรนด์ ก็เติบโตได้ด้วยตนเอง
อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญที่คุณขจรเน้นย้ำคือเรื่องของโครงสร้างรายได้และอำนาจทางการเงิน จากเดิมในอดีตที่รายได้กว่าร้อยละ 90 ของครีเอเตอร์ต้องผูกติดอยู่กับความเมตตาของสปอนเซอร์หรือแบรนด์สินค้าเป็นหลัก แต่ในวันนี้ระบบนิเวศทางธุรกิจได้เปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคที่ครีเอเตอร์สามารถสร้างความมั่นคงได้ด้วยตนเอง โมเดลการหารายได้ผ่านระบบ Affiliate Marketing ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญและขยายขอบเขตไปไกลกว่าการขายสินค้าทั่วไป โดยครอบคลุมไปถึงอุตสาหกรรมใหม่ ๆ อย่างภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงบริการยอดนิยมเช่น Grab และ Agoda ซึ่งช่วยเปิดช่องทางให้ครีเอเตอร์สามารถสร้างรายได้โดยไม่ต้องพึ่งพางบโฆษณาเพียงอย่างเดียว
ทว่าภายใต้อิสรภาพทางการเงินที่เพิ่มขึ้นนี้ กลับมีประเด็นความเปราะบางซ่อนอยู่ในรูปแบบการทำงานที่โดดเดี่ยว ข้อมูลสถิติจากคุณขจรเผยให้เห็นตัวเลขที่น่าตกใจว่าครีเอเตอร์ชาวไทยกว่าร้อยละ 86 ยังคงสถานะเป็นศิลปินเดี่ยวที่ไม่มีสังกัดหรือ MCN คอยช่วยดูแลบริหารจัดการ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับโมเดลในต่างประเทศที่ครีเอเตอร์ส่วนใหญ่จะมีทีมงานสนับสนุน การขาดระบบหลังบ้านที่เข้มแข็งทำให้ครีเอเตอร์ไทยต้องรับมือกับอุปสรรคต่าง ๆ เพียงลำพัง ทั้งปัญหาด้านลิขสิทธิ์ทางปัญญา ความซับซ้อนของระบบภาษี และความเสี่ยงจากการถูกเอาเปรียบผ่านสัญญาที่ไม่เป็นธรรม
รุ่งอรุณแห่งการรวมตัว เพื่อกำหนดอนาคตใหม่

ท่ามกลางปัญหาเชิงโครงสร้างที่สั่งสมมาอย่างยาวนานกว่าหนึ่งทศวรรษ ขจร เจียรนัยพานิชย์ ได้ตั้งคำถามสำคัญขึ้นกลางเวทีเพื่อกระตุกความคิดของคนในวงการว่าวงการครีเอเตอร์จะสามารถเติบโตต่อไปได้อย่างไรหากปราศจากการรวมตัวกันอย่างเข้มแข็ง ประเด็นดังกล่าวได้นำไปสู่บทสรุปที่เป็นหมุดหมายสำคัญที่สุดของปีนี้ คือการประกาศเจตนารมณ์ในการจัดตั้งสมาคมคอนเทนต์ครีเอเตอร์แห่งประเทศไทย โดยกลุ่ม Rainmaker และพันธมิตร ซึ่งได้วางเป้าหมายที่จะดำเนินการให้เป็นรูปธรรมภายในไตรมาสแรกของปี 2026
การรวมกลุ่มในครั้งนี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อสร้างพื้นที่สังสรรค์หรือคอมมูนิตี้ทั่วไป แต่มีเป้าหมายหลักในการสร้างกลไกการต่อรองที่มีประสิทธิภาพกับทั้งหน่วยงานภาครัฐและแพลตฟอร์มระดับโลก ความพยายามนี้มุ่งหวังที่จะเปลี่ยนสถานะของครีเอเตอร์จากที่เคยถูกมองว่าเป็นคนว่างงานในสายตารัฐ ให้กลายเป็นวิชาชีพที่มีเกียรติ มีกฎหมายรองรับอย่างถูกต้อง และได้รับสวัสดิการขั้นพื้นฐานที่มนุษย์คนหนึ่งพึงจะได้รับ การเดินทางของครีเอเตอร์ไทยนับจากนี้จึงกำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนผ่าน จากเดิมที่ต่างคนต่างสร้างชื่อเสียงมาสู่ยุคที่ต้องร่วมมือกันเพื่อความอยู่รอด แม้การเปลี่ยนแปลงนี้อาจจะไม่สามารถเห็นผลสัมฤทธิ์ได้ในชั่วข้ามคืน แต่ถือเป็นการจุดคบเพลิงแห่งความหวังเพื่อให้ไฟในการสร้างสรรค์ของคนไทยยังคงลุกโชนต่อไป โดยไม่มอดดับลงเพียงเพราะความไม่เป็นธรรมของโครงสร้างทางสังคม
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เศรษฐกิจไทยในทศวรรษหน้า: เมื่อ ‘ข้อมูล’ คือลมหายใจใหม่ ที่จะพลิกชีวิต ‘คนตัวเล็ก’
GISTDA ผนึก AIS ใช้ ‘ดาวเทียมผสาน Mobile Data’ ค้นหาผู้ประสบภัยน้ำท่วม




