Share on
×

Share

YouTube Thailand ชู 3C ผนึก AI-ฐานแฟน สร้างธุรกิจยั่งยืน

YouTube Thailand ชู 3C ผนึก AI-ฐานแฟน สร้างธุรกิจยั่งยืน

ในวาระครบรอบ 20 ปีของ YouTube และกว่า 1 ทศวรรษในประเทศไทย แพลตฟอร์มวิดีโอเบอร์หนึ่งของโลกไม่ได้หยุดอยู่แค่การเป็นพื้นที่อัปโหลดวิดีโออีกต่อไป ล่าสุดบนเวที iCreator Conference 2025 ในหัวข้อ “There’s Only One YouTube เติบโตด้วยกันอย่างยั่งยืน” ฐรินทร์ญา ศุภทรัพย์ Strategic Partner Manager, YouTube Thailand ได้เผยภาพอนาคตที่สะท้อนว่า YouTube เป็นพื้นที่เดียวที่ตอบโจทย์ครบทั้ง Short, Long, Live และ Podcast

สิ่งที่น่าจับตามองที่สุดในปีนี้ ไม่ใช่แค่ตัวเลขการเติบโต แต่คือ การเปลี่ยนผ่านเชิงโครงสร้าง (Structural Shift) ของระบบนิเวศคอนเทนต์ไทย ผ่านกลยุทธ์ 3C: Creativity, Community และ Commerce ที่จะมากำหนดชะตาของทั้งครีเอเตอร์ แบรนด์ และนักการตลาด

Creativity: นวัตกรรมและความลื่นไหลของรูปแบบเนื้อหา (Fluidity)

ภูมิทัศน์ของการสร้างสรรค์เนื้อหาบน YouTube ในปัจจุบันได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของรูปแบบเดิมไปสู่ยุคแห่งความลื่นไหลหรือ Fluidity ที่มีความเป็นพลวัตและผสมผสานกันอย่างกลมกลืน โดยสามารถอธิบายปรากฏการณ์ดังกล่าวผ่านการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่กำลังเกิดขึ้นในระบบนิเวศของคอนเทนต์

ประเด็นแรกที่เห็นได้ชัด คือปรากฏการณ์การส่งออกวัฒนธรรมท้องถิ่นสู่สากล ซึ่งเนื้อหาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างอาหารสตรีทฟู้ดและดนตรี T-Pop กำลังแสดงศักยภาพในการเข้าถึงผู้ชมทั่วโลกอย่างน่าจับตามอง เห็นได้จากความสำเร็จของศิลปินวง 4E VE หรือ Gemini Fourth ที่สามารถขยายฐานแฟนคลับไกลไปถึงภูมิภาคอเมริกาใต้และบราซิล เพื่อขานรับแนวโน้มดังกล่าว YouTube จึงเร่งพัฒนานวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์อย่าง Auto Dubbing และ AI Lip Sync เข้ามาช่วยลดกำแพงภาษาด้วยการปรับรูปปากของผู้พูดให้สอดคล้องกับภาษาที่แปลโดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยสร้างประสบการณ์การรับชมที่เป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น 

ในขณะเดียวกัน ความไร้รอยต่อของสื่อบันเทิง ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่สะท้อนผ่านพฤติกรรมการรับชมที่ไม่ยึดติดกับรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง สถิติล่าสุดบ่งชี้ว่า YouTube Shorts มียอดการรับชมทั่วโลกสูงถึง 200,000 ล้านวิวต่อวัน ส่วนในประเทศไทยนั้น เนื้อหาประเภทพอดแคสต์มีชั่วโมงการรับชมเติบโตขึ้นร้อยละ 50 และเนื้อหาละครเติบโตสูงถึงร้อยละ 115 การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้เกิดการปรับตัวครั้งใหญ่ของทั้งครีเอเตอร์และสื่อดั้งเดิม ดังจะเห็นได้จากสถานีข่าวที่เริ่มหันมาผลิตเนื้อหาไลฟ์สไตล์ หรือผู้ผลิตพอดแคสต์ที่ปรับรูปแบบมาเป็นวิดีโอเพื่อขยายฐานผู้ชมให้กว้างขวางกว่าเดิม 

YouTube Ask Studio

นอกจากนี้ บทบาทของ Generative AI ยังถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับครีเอเตอร์ โดย YouTube ได้นำเสนอฟีเจอร์ใหม่อย่าง Title & Thumbnail A/B Testing ที่ช่วยประมวลผลและคัดเลือกปกคลิปที่ดึงดูดความสนใจได้ดีที่สุด รวมถึงฟีเจอร์ Ask Studio ที่ทำหน้าที่เสมือนผู้ช่วยในการระดมความคิดสำหรับการผลิตคอนเทนต์ เพื่อให้ครีเอเตอร์สามารถสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ผู้ชมได้อย่างแม่นยำ 

Community: การเปลี่ยนผ่านสู่คุณค่าของความผูกพัน (Engagement Depth)

ทิศทางการวัดผลความสำเร็จบนแพลตฟอร์ม YouTube กำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่ไม่ได้ให้ความสำคัญเพียงแค่ปริมาณตัวเลขยอดวิวหรือจำนวนผู้ติดตามอีกต่อไป แต่กลับมุ่งเน้นไปที่คุณภาพของความสัมพันธ์ระหว่างครีเอเตอร์และผู้ชมเป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งแนวคิดนี้สะท้อนให้เห็นว่าความเหนียวแน่นของชุมชนนั้นมีมูลค่าและความสำคัญยิ่งกว่าขนาดของฐานผู้ชม โดยกรณีศึกษาที่เห็นได้ชัดเจน คือรายการ Bad Bad World ของช่องเถื่อน Travel ที่พิสูจน์แล้วว่าแม้จะเป็นการนำเสนอเนื้อหาเฉพาะทาง แต่ด้วยความแข็งแกร่งของฐานแฟนคลับ ผู้ชมจึงมีความยินดีที่จะมอบการสนับสนุนทางการเงินในระดับสูงเพื่อเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้ครีเอเตอร์ผลิตผลงานต่อไป

เพื่อให้สอดรับกับกลยุทธ์ดังกล่าว YouTube ได้พัฒนาเครื่องมือเพื่อส่งเสริมปฏิสัมพันธ์เชิงลึกและความแข็งแรงของคอมมูนิตี้ให้มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ Community Space ที่เปิดพื้นที่ให้สมาชิกในช่องสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันได้โดยตรง รวมถึงนวัตกรรมใหม่อย่างฟีเจอร์ Public to Members-only Livestream ที่ช่วยให้ครีเอเตอร์สามารถเปลี่ยนสถานะการถ่ายทอดสดจากรูปแบบสาธารณะไปสู่โหมดเฉพาะสมาชิกได้อย่างต่อเนื่องและไร้รอยต่อ ซึ่งนับเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าและสิทธิพิเศษให้กับระบบสมาชิกของช่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Commerce: ระบบนิเวศพาณิชย์บนพื้นฐานความเชื่อใจ (Trust-based Commerce)

จากกระแสการเติบโตของอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคที่พุ่งสูงขึ้นถึง 4 เท่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ YouTube ก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในฐานะแพลตฟอร์มที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคอย่างมีนัยสำคัญ โดยสถิติในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ด้วยจำนวนชั่วโมงการรับชมคอนเทนต์เกี่ยวกับการช้อปปิ้งที่เพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 400

ปัจจัยเบื้องหลังที่ขับเคลื่อนความสำเร็จนี้คือความเชื่อใจที่เป็นกลไกหลักในการเชื่อมโยงระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค ข้อมูลระบุว่าคนไทยร้อยละ 92 เลือกใช้ YouTube เป็นแหล่งค้นหาข้อมูลเชิงลึก และกว่าร้อยละ 88 ให้ความเชื่อถือคำแนะนำจากครีเอเตอร์บนแพลตฟอร์มนี้มากกว่าช่องทางอื่น ซึ่งความไว้วางใจดังกล่าวเปรียบเสมือนสินทรัพย์อันล้ำค่าที่ช่วยเปลี่ยนสถานะจากผู้ชมให้กลายเป็นผู้ซื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในด้านการสร้างรายได้และการสนับสนุนครีเอเตอร์นั้น ปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมโปรแกรม YouTube Shopping Affiliate แล้วกว่า 13,000 ราย โดยพบว่าความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมคือบางช่องสามารถสร้างยอดขายเติบโตได้สูงถึง 5 ถึง 7 เท่าตัวจากการใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าว ควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบ Auto-tagging ที่นำปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยตรวจจับและติดแท็กสินค้าในวิดีโอโดยอัตโนมัติ รวมถึงการขยายความร่วมมือกับแพลตฟอร์มพันธมิตรอย่าง Shopee และ Lazada เพื่ออำนวยความสะดวกให้ครีเอเตอร์สามารถสร้างรายได้จากการเชื่อมโยงสินค้าได้ครอบคลุมและสะดวกยิ่งขึ้น 

ทิศทางของ YouTube ในทศวรรษหน้าจะมุ่งเน้นการวางรากฐานระบบนิเวศสื่อให้มีความแข็งแกร่งและยั่งยืน โดยมีกุญแจสำคัญคือการผนวกศักยภาพของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เข้ามาเป็นฟันเฟืองหลักในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ทั้งสามมิติ อันประกอบด้วยการยกระดับขีดความสามารถด้านความคิดสร้างสรรค์ การสร้างความผูกพันที่ลึกซึ้งภายในชุมชนผู้รับชม และการแปรรูปความเชื่อใจให้กลายเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ ซึ่งแนวทางทั้งหมดนี้มีเป้าหมายสูงสุดเพื่อเปิดทางให้ทั้งครีเอเตอร์และแบรนด์ธุรกิจสามารถเติบโตเคียงคู่ไปกับแพลตฟอร์มได้อย่างมั่นคงในระยะยาว

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Google Cloud เปิดตัว “PanyaThAI” ชู Agentic AI พลิกโฉมธุรกิจไทย

เดิมพันอนาคตครีเอเตอร์ : เมื่อ ‘ยอดวิว’ ไม่ใช่คำตอบ ทางรอดเดียวคือต้อง ‘รวมตัว’

×

Share

ผู้เขียน