วิกฤติมลพิษและสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เป็นโจทย์ใหญ่ที่เร่งเร้าให้ภาคคมนาคมต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน ล่าสุด บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือ DMT ได้นำเสนอผลการวิจัยชิ้นสำคัญที่เปลี่ยนสมมติฐานของการเดินทางในเมือง โดยยืนยันด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า “การบริหารจัดการจราจร” คือเครื่องมือทรงประสิทธิภาพในการกู้คืนคุณภาพอากาศ ตัวเลขชี้วัดระบุชัดเจนว่า การเลือกใช้ทางยกระดับดอนเมืองสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้สูงถึง 5,016 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO₂e) ต่อปี
ไขรหัสวิทยาศาสตร์: แก้ปม “Stop and Go” ต้นตอมลพิษเมือง
ดร.ศักดิ์ดา พรรณไวย กรรมการผู้จัดการ DMT ขยายความถึงกลไกเชิงวิศวกรรมที่อยู่เบื้องหลังตัวเลขดังกล่าวว่า ปัจจัยชี้ขาดปริมาณมลพิษอยู่ที่ “วัฏจักรการขับขี่” (Driving Cycle) การจราจรบนถนนพื้นราบมักประสบปัญหาการขับขี่แบบ “หยุด-เร่ง” (Stop and Go) จากสภาพการจราจรที่ติดขัด ซึ่งเป็นสภาวะที่เครื่องยนต์มีการเผาผลาญเชื้อเพลิงไม่สมบูรณ์และปลดปล่อยมลพิษในระดับสูง ตรงกันข้ามกับการขับขี่บนทางยกระดับที่รถยนต์สามารถรักษา “ความเร็วสม่ำเสมอ” และมีความคล่องตัวกว่า
ความแตกต่างของรูปแบบการเคลื่อนที่นี้ ส่งผลโดยตรงต่อการลดปริมาณก๊าซพิษที่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจและเป็นก๊าซเรือนกระจกอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂), ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO), ก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) และสารประกอบไฮโดรคาร์บอน (HC) การใช้ทางยกระดับจึงทำหน้าที่เสมือนตัวกรองมลพิษออกจากชั้นบรรยากาศเมืองอย่างเป็นรูปธรรม
ยกระดับความเชื่อมั่นด้วยมาตรฐาน ISO 14064-3:2019
เพื่อให้ข้อมูลมีความถูกต้องแม่นยำสูงสุดและปราศจากข้อกังขา DMT ได้นำกระบวนการตรวจประเมินและทวนสอบก๊าซเรือนกระจก (Verification & Validation) ตามมาตรฐาน ISO 14064-3:2019 เข้ามาจับ โดยมี บริษัท เอสจีเอส (ประเทศไทย) จำกัดทำหน้าที่เป็นผู้ให้การรับรอง
ขอบเขตการศึกษาครอบคลุมข้อมูลการจราจรจริงตลอดทั้งปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคม 2566 โดยนำมาคำนวณเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลอัตราการปล่อยมลพิษตามวัฏจักรการขับขี่ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งจัดทำโดยกรมควบคุมมลพิษ ผลการรับรองนี้จึงเป็นหลักฐานยืนยันว่า ทุกเที่ยวการเดินทางบนทางยกระดับมีส่วนช่วยบำบัดคุณภาพอากาศให้ดีขึ้นจริง
ผนึกมหาวิทยาลัยบูรพาเจาะลึกข้อมูล “รายคัน“
ความเข้มข้นของเนื้อหายังปรากฏอยู่ในระเบียบวิธีวิจัย ซึ่งเป็นความร่วมมือทางวิชาการระหว่าง DMT และ ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ในโครงการศึกษาผลประโยชน์ทางด้านการลดมลพิษฯ โดยใช้เทคโนโลยีและกระบวนการคำนวณที่ละเอียดซับซ้อน
- การติดตามความเร็วเรียลไทม์: ประยุกต์ใช้ระบบกล้องและซอฟต์แวร์ตรวจจับและติดตามอัตราความเร็วของรถ “แต่ละคัน” เพื่อให้ได้ข้อมูลพฤติกรรมจริง
- การวิเคราะห์ผลต่างเชิงพื้นที่: คำนวณหาค่าความแตกต่างของปริมาณมลพิษระหว่างรถที่วิ่งบนถนนวิภาวดี-รังสิต เทียบกับรถที่วิ่งบนทางยกระดับดอนเมือง ในระดับรายคัน
- การประมวลผลภาพรวม: นำผลต่างมลพิษที่ได้ คูณเข้ากับจำนวนรถยนต์ที่ใช้บริการจริงในแต่ละช่วงเวลา สะท้อนเป็นตัวเลขมลพิษที่ลดลงได้อย่างแม่นยำ
ผลพลอยได้หน้าด่าน: ลดมลพิษอีก 343 กก./วันด้วยระบบไร้เงินสด
นอกเหนือจากการไหลเวียนจราจร งานวิจัยชิ้นนี้ยังขยายผลไปถึงระบบการจัดเก็บค่าผ่านทาง โดยข้อมูลที่ได้รับการตีพิมพ์และรับรองในการประชุมวิชาการวิศวกรรมโยธาแห่งชาติ ครั้งที่ 30 (จัดโดย วสท.) ระบุว่า การเปลี่ยนพฤติกรรมมาใช้ระบบชำระค่าผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETC) เช่น M-Pass หรือ Easy Pass ช่วยลดมลพิษรวมได้ถึง 343 กิโลกรัมต่อวัน อันเป็นผลจากการลดจังหวะการชะลอ หยุด และเร่งเครื่องซ้ำซ้อนบริเวณหน้าด่านเก็บเงิน ซึ่งเป็นปัญหาหลักของช่องจ่ายเงินสด
ฐานข้อมูลเพื่อเมืองสีเขียว
งานวิจัยฉบับนี้มิใช่เพียงรายงานผลการดำเนินงาน แต่คือ “พิมพ์เขียว” ทางวิชาการที่ช่วยสร้างความเข้าใจใหม่ต่อประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมของโครงสร้างพื้นฐาน ข้อมูลเหล่านี้พร้อมที่จะถูกนำไปใช้เป็นฐานในการกำหนดนโยบายระดับชาติ ทั้งการลดมลพิษ การสนับสนุนระบบอิเล็กทรอนิกส์ และการวางแผนคมนาคม เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำและการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เกินกว่าสมรรถนะ: มิชลินชูยุทธศาสตร์ ‘All Sustainable’ สู่วัสดุยั่งยืน 100% ในปี 2050
ตลท. พลิก ‘ภาระ’ คาร์บอนเป็น ‘สินทรัพย์’ ด้วย SETCarbon มาตรฐานอบก.




