ความเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างประชากรโลกที่มุ่งหน้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ได้นำมาซึ่งวิกฤตทางแรงงานหรือภาระงบประมาณสาธารณสุขเพียงด้านเดียว หากแต่ยังมาพร้อมกับโอกาสทางเศรษฐกิจระลอกใหญ่ เมื่อนิยามของความมั่งคั่งในศตวรรษที่ 21 ถูกผูกโยงเข้ากับ “ความแข็งแรง” ของร่างกายและจิตใจ เวทีเสวนา “Prompt the Future: The Power of Wellness Economy” ในงานสัมมนาประจำปีของสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย Thailand Marketing Day 2025 จึงเป็นหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนให้เห็นว่า ประเทศไทยมีความพร้อมและยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนในการเปลี่ยนผ่านจากจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ สู่การเป็น “World Wellness Hub” หรือศูนย์กลางสุขภาวะชั้นนำของโลก โดยมี 3 ผู้นำจากภาคธุรกิจบริการและสุขภาพร่วมถอดรหัสโอกาสทางเศรษฐกิจมหาศาลนี้
8.5 ล้านล้านเหรียญ: มูลค่าที่โลกพร้อมจ่ายเพื่อ ‘ความเยาว์วัย’
เศรษฐกิจเวลเนส (Wellness Economy) ไม่ใช่เพียงกระแสความนิยมชั่วคราว แต่เป็นอุตสาหกรรมที่มีเม็ดเงินลงทุนหมุนเวียนจริงและมีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดดสวนทางกับสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว นายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุญ ประธานคณะผู้บริหาร บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก และ บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยข้อมูลสำคัญจาก Global Wellness Institute (GWI) ที่ระบุว่ามูลค่าเศรษฐกิจเวลเนสโลกซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 5.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ กำลังทะยานสู่ 8.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2027
การขยายตัวระดับเลขสองหลักนี้ขับเคลื่อนด้วย 5 เครื่องยนต์หลักที่ผู้ประกอบการไทยต้องจับตามอง ได้แก่
- Wellness Real Estate: อสังหาริมทรัพย์เพื่อสุขภาพที่เติบโตสูงสุดถึง 15% ต่อปี สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการเปลี่ยนที่อยู่อาศัยให้เป็นพื้นที่สร้างเสริมสุขภาพ ไม่ใช่แค่ที่นอนหลับพักผ่อน
- Wellness Tourism: การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่นักท่องเที่ยวพร้อมจ่ายเพื่อประสบการณ์การพักผ่อนที่ได้ฟื้นฟูร่างกาย
- Mental Wellness: ธุรกิจที่ตอบโจทย์ความสงบทางใจและการบำบัดความเครียด
- Traditional Medicine: การแพทย์แผนดั้งเดิมและยาสมุนไพรที่กลับมาได้รับความนิยม
- Public Health & Prevention: นโยบายสาธารณสุขที่เน้นการป้องกันโรค
กับดัก 10 ปีท้ายของชีวิต: เปลี่ยน Life Span ให้เป็น Health Span
นายแพทย์ตนุพล ชี้ประเด็นสำคัญที่เป็นหัวใจของ Wellness Economy นั่นคือความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ “ความอายุยืน” ปัจจุบันคนไทยมีอายุขัยเฉลี่ย (Life Span) อยู่ที่ 77 ปี แต่มีช่วงเวลาที่สุขภาพแข็งแรง (Health Span) เพียง 67 ปี
ตัวเลขนี้ตอกย้ำความจริงอันน่าตกใจว่า คนไทยต้องใช้เวลา 10 ปีสุดท้ายของชีวิตไปกับการเจ็บป่วย และค่าใช้จ่ายมหาศาลที่สูญเสียไปกับการรักษาพยาบาล ภารกิจหลักของ Wellness Economy จึงเป็นการเปลี่ยนกระบวนทัศน์จาก Sick Care (การตั้งรับรักษาเมื่อป่วย) ไปสู่ Well Care (การดูแลเชิงรุกเพื่อป้องกัน) ซึ่งเป็นการปิดช่องว่างแห่งความเจ็บป่วย คืนคุณภาพชีวิตกลับสู่ผู้คน พร้อมสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ในการดูแลสุขภาพแบบครบวงจร ตั้งแต่อาหาร การออกกำลังกาย ไปจนถึงการนอนหลับ
Scientific Wellness: เมื่อ ‘ความรู้สึก’ ต้องพิสูจน์ได้ด้วย ‘วิทยาศาสตร์’
การก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านเวลเนสของโลกในยุคหน้า ไม่สามารถพึ่งพาเพียงชื่อเสียงด้านการบริการ (Hospitality) ได้อีกต่อไป ผู้บริโภคระดับบนต้องการผลลัพธ์ที่จับต้องได้ Scientific Wellness หรือ เวลเนสเชิงวิทยาศาสตร์ จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญ คือการนำเทคโนโลยีทางการแพทย์มาใช้ในการตรวจวิเคราะห์ร่างกายระดับลึก (Evidence-based) เช่น การตรวจพันธุกรรม หรือระดับฮอร์โมน เพื่อออกแบบโปรแกรมสุขภาพที่แม่นยำและเหมาะสมกับเฉพาะบุคคล (Personalized) แทนที่จะเป็นการคาดเดาจากความรู้สึกเพียงอย่างเดียว
3S Strategy: ถอดรหัส DNA ความสำเร็จแบบไทย
ในมุมมองของการแข่งขันระดับโลก เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย วิเคราะห์จุดแข็งของประเทศไทยว่ามีองค์ประกอบที่หาตัวจับยาก และเป็นสิ่งที่ประเทศคู่แข่งไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ง่ายๆ ผ่านยุทธศาสตร์ 3S ที่เป็นรากฐานสำคัญ:
- Science (วิทยาศาสตร์การแพทย์): ความเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุข บุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และมาตรฐานโรงพยาบาลระดับสากล (JCI) ที่ไทยมีอยู่อย่างเข้มแข็งเป็นทุนเดิม
- Service (จิตวิญญาณการบริการ): ทักษะการบริการที่ใส่ใจในรายละเอียด (Service Mind) ความโอบอ้อมอารี และรอยยิ้ม ซึ่งเป็น Soft Power ที่เทคโนโลยีหรือ AI ไม่สามารถทดแทนความละเอียดอ่อนของมนุษย์ได้
- Soul (ความสงบทางจิตวิญญาณ): ต้นทุนทางวัฒนธรรม ศาสนาพุทธ และภูมิปัญญา ที่ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพจิต (Mental Wellness) การฝึกสติ (Mindfulness) ซึ่งเป็นสิ่งที่โลกตะวันตกกำลังโหยหา
คุณเทียนประสิทธิ์มองว่า ภาคธุรกิจโรงแรมต้องเร่งปรับตัวจากการขายห้องพัก (Accommodation) สู่การขายประสบการณ์สุขภาพ (Retreat Experience) โดยใช้อาหารไทยเป็นยา (Food as Medicine) และใช้ภูมิศาสตร์ที่สวยงามของไทยเป็นส่วนหนึ่งของการบำบัดฟื้นฟู
ยกระดับห่วงโซ่อุปทาน: จาก ‘ผ่อนคลาย’ สู่ ‘บำบัดรักษา’
จีระยุ จารุกิตติวรกานต์ เลขาสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ขยายความถึงทิศทางของผู้ประกอบการไทยว่า ถึงเวลาต้องยกระดับมาตรฐานจากการให้บริการเพื่อความผ่อนคลาย (Relaxation) ไปสู่การบริการที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการรักษา (Therapeutic) เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรม
กุญแจสำคัญคือการสร้าง Ecosystem ที่เชื่อมโยงกันทั้งระบบ ตั้งแต่การพัฒนาทักษะบุคลากรนวดไทยให้มีความรู้เชิงลึกด้านกายวิภาค การนำสมุนไพรท้องถิ่นมาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงการดึงชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในห่วงโซ่อุปทาน การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจึงไม่ใช่เรื่องของสถานประกอบการหรูหราเพียงอย่างเดียว แต่คือการส่งมอบประสบการณ์ที่มีความหมาย (Meaningful Experience) ที่นักท่องเที่ยวจะได้รับกลับไปพร้อมสุขภาพที่ดีขึ้น และยังเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน
อนาคตที่กำหนดได้ด้วย ‘สุขภาพ’
เวลเนสไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางรอดและเครื่องยนต์เศรษฐกิจตัวใหม่ที่ทรงพลังที่สุดของไทย การผนึกกำลังระหว่าง วิทยาศาสตร์ (Science), การบริการ (Service) และ จิตวิญญาณ (Soul) จะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลาง และปักหมุดเป็น World Wellness Hub ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เปลี่ยนต้นทุนทางวัฒนธรรมให้กลายเป็นความมั่งคั่งที่ยั่งยืน และเปลี่ยนภาพลักษณ์ของประเทศสู่การเป็น “เมืองหลวงแห่งการมีชีวิตที่ดี” ของประชากรโลก
วิกฤติเด็กไทยอ้วน! ครองแชมป์อันดับ 1 อาเซียน
กินคลีนแทบตาย… ถ้า ‘นอน’ ไม่พอก็จบ! สรุปเวทีสุขภาพ Bitkub Summit 2025




