Share on
×

Share

17 ปี ‘คิดไม่เหมือนใคร’: แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พลิกสูตรโรงแรม 5 ดาว สู่เป้า 10,000 ล้านบาท

17 ปี 'คิดไม่เหมือนใคร': แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พลิกสูตรโรงแรม 5 ดาว สู่เป้า 10,000 ล้านบาท

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ชื่อของ บริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด (LHMH) ผู้บริหารกลุ่มโรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ (Grande Center Point) ได้กลายเป็นที่จับตามองในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย อาจกล่าวได้ว่านี่คือช่วงเวลาแห่งการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดของเชนโรงแรมสัญชาติไทยรายนี้ นับตั้งแต่การเปิดตัวโรงแรมแห่งแรกที่ราชดำริเมื่อ 17 ปีก่อน มาวันนี้ ผู้บริหารตั้งเป้าการถือครองจำนวนห้องพักรวมกว่า 5,000 ห้อง จาก 11 แห่ง ภายในปี 2571 พร้อมคาดการณ์รายได้ที่พุ่งแตะระดับ 10,000 ล้านบาท

คำถามที่หลายคนสงสัยคือ อะไรคือปัจจัยที่ทำให้ LHMH เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงเวลาที่ธุรกิจโรงแรมมีการแข่งขันสูงเช่นนี้

17 ปี 'คิดไม่เหมือนใคร': แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พลิกสูตรโรงแรม 5 ดาว สู่เป้า 10,000 ล้านบาท

กิตติ วรบรรพต กรรมการผู้จัดการ LHMH ตอบคำถามนี้อย่างตรงไปตรงมาว่า

“วิธีคิดของเราไม่เหมือนโรงแรม 5 ดาวอื่น ๆ”

เน้น ‘Value for Money’

แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เปิดตัวโรงแรมแห่งแรกภายใต้ชื่อ แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ เมื่อปี 2551 ในยุคนั้นการที่เชนโรงแรมที่บริหารโดยคนไทยจะเข้าไปยืนในย่านราชประสงค์ซึ่งเต็มไปด้วยโรงแรมระดับโลกนั้นไม่ง่ายเลย ซึ่งคุณกิตติยอมรับว่า ช่วงแรก ๆ ก็ผิดพลาดบ้าง ลองผิดลองถูก จนค่อย ๆ สั่งสมประสบการณ์

17 ปีผ่านไป สิ่งที่ตกผลึกออกมาคือ แนวคิดที่แตกต่างอย่างชัดเจนจากเชนโรงแรมระดับโลก

“เราแข่งด้วยความคุ้มค่า (Value for Money) ไม่ใช่แข่งด้วยราคาถูกหรือแพงอย่างเดียว” คุณกิตติกล่าว

“สิ่งที่พิสูจน์ได้ชัดเจนที่สุดคือ เราได้คะแนนรีวิวเฉลี่ย 9.3-9.4 จากลูกค้าจริงในทุกแพลตฟอร์ม ซึ่งคะแนนรีวิวตรงนี้ซื้อกันไม่ได้ ต้องมาจากความรู้สึกของผู้เข้าพักจริง ๆ”

ในสมรภูมิที่ดุเดือดอย่างย่านราชประสงค์ ซึ่งเป็นโซนที่มีราคาที่ดินสูงลิ่วและมีโรงแรม 5 ดาวเกือบ 10 แห่ง มีจำนวนห้องพักรวมประมาณ 3,000 ห้อง  คุณกิตติเล่าว่า การเข้าสู่ตลาดของ LHMH ไม่ได้มาพร้อมกับราคาห้องพักที่ต่ำ แต่มาพร้อมกับความคุ้มค่าที่เหนือกว่า

แม้ LHMH จะตั้งราคาห้องพักต่อคืนถูกกว่าคู่แข่งรอบข้างประมาณ 30% เช่น ราคาเปิดตัว แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ที่จะเปิดให้บริการวันที่ 1 ธันวาคมนี้ และกลายเป็นโรงแรมแห่งที่ 9 ของบริษัทฯ เริ่มต้น 8,000 บาท ขณะที่คู่แข่งส่วนใหญ่เริ่มต้น 10,000 บาทขึ้นไป แต่ความได้เปรียบที่แท้จริงคือการเป็น ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่สุดในย่านนี้ด้วยจำนวนห้องพักกว่า 1,000 ห้อง เมื่อรวมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เพรสทีจ กรุงเทพฯ กับแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ โครงการแรกของแบรนด์ ซึ่งคิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดราว 30%

กลยุทธ์ ‘คิดนอกกรอบ 5 ดาว’

Grande-Centre-Point-Prestige pool

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ LHMH แตกต่างอย่างแท้จริงคือ การคิดนอกกรอบของมาตรฐานโรงแรม 5 ดาว

LHMH กล้าที่จะปฏิเสธธรรมเนียมปฏิบัติของโรงแรมหรู เช่น การนำเครื่องกดน้ำแข็งฟรีมาให้บริการ ในขณะที่ลูกค้าต้องจ่ายกระป๋องละ 100 บาทในโรงแรม 5 ดาวทั่วไป นอกจากนี้ ยังจัดให้มีตู้ขายของกินเล่นและร้านสะดวกซื้อในบริเวณโรงแรม เพื่อให้ลูกค้าซื้อของได้ในราคาถูก ถือเป็นการทำลายกำแพงการบริการแบบเดิม ๆ ที่พยายามจำกัดตัวเลือกของแขก ซึ่งคุณกิตติบอกว่าลูกค้าส่วนใหญ่ชื่นชอบไอเดียนี้

แนวคิดนี้ถูกต่อยอดไปไกลกว่านั้น โดยเฉพาะในโครงการใหม่ ๆ

เช่น โครงการแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ วอยาจ พัทยา ที่จะเปิดไตรมาส 4 ปี 2569 ที่ไม่ได้ขายแค่ห้องพัก แต่ขายประสบการณ์ มีการลงทุนสร้างสวนน้ำธีมเดินทางข้ามเวลา ขนาด 20,000 ตารางเมตร พร้อม Tower สไลเดอร์ 4 ชั้นที่มาพร้อมลิฟท์ และออกแบบให้มีร้าน 7-Eleven ขนาด 200 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในบริเวณสวนน้ำ ที่ลูกค้าสามารถใส่ชุดว่ายน้ำเข้าไปใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง

“นั่นคือการสร้างจุดขายที่ไม่มีเชน 5 ดาวไหนกล้าทำ นี่คือสิ่งที่เราเรียกว่า คิดนอกกรอบโรงแรม 5 ดาว” คุณกิตติกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

ด้วยเหตุผลนี้ LHMH จึงไม่มีนโยบายรับจ้างบริหารโรงแรมให้ใคร แม้จะมีข้อเสนอเข้ามามากมาย เพราะหากไปบริหารให้เจ้าของคนอื่น จะไม่สามารถปรับแต่งบริการแบบนอกกรอบแบบนี้ได้เต็มที่

“เพราะเรายังรู้สึกว่าตัวเองบริหารไม่เก่งพอ และวิธีคิดของเราแปลกเกินไป ถ้าไปบริหารให้เจ้าของอื่น เขาจะยอมให้เราทำตู้กดน้ำแข็งฟรี หรือเอา 7-Eleven มาไว้ในสวนน้ำไหม คงยาก เราอยากปรับแต่ง (Customize) ทุกอย่างให้ลูกค้าประทับใจ จึงเลือกบริหารเฉพาะโรงแรมของตัวเองเท่านั้น” คุณกิตติกล่าว

พอร์ตโฟลิโอปัจจุบันและอนาคต

การเติบโตของ LHMH ซึ่งเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทศูนย์การค้าและโรงแรม อยู่บนรากฐานของการลงทุนเชิงคุณภาพในโครงการขนาดใหญ่ โดยโรงแรมส่วนใหญ่จะมีขนาดอย่างน้อย 500 ห้อง โดยเน้นในทำเลศักยภาพสูงเท่านั้น

ปัจจุบัน พอร์ตโฟลิโอภายใต้แบรนด์แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ได้ถูกแบ่งออกเป็น 3 ระดับ เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลาย

  1. Prestige Tier: ระดับเอกลักษณ์เฉพาะและความหรูหรา เช่น แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ลุมพินี และ แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ที่ถูกออกแบบให้เป็น “Twin Towers” คู่กับโครงการราชดำริ เพื่อสะท้อนเส้นทางการเติบโตของแบรนด์
  2. Timeless Tier: ระดับที่คงความงดงามและทันสมัยอยู่เสมอ ซึ่งกระจายตัวอยู่ในทำเลทองของกรุงเทพฯ และพัทยา เช่น เทอร์มินอล 21, ราชดำริ, และ พัทยา
  3. Limited Tier: ระดับดีไซน์พิเศษที่มีลักษณะเด่นเฉพาะโครงการ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร เช่น สเปซ พัทยา โรงแรมธีมอวกาศ

สำหรับ 2 โครงการที่จะเปิดในอนาคต คือ

  • แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ วอยาจ พัทยา จะเปิดตัวในไตรมาส 4 ปี 2569 ด้วยงบลงทุน 4,400–4,500 ล้านบาท บนพื้นที่ 22 ไร่ เน้นการสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง
  • แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ไชน่าทาวน์ ย่านเยาวราช จะเปิดตัวในไตรมาส 3 ของปี 2571 ด้วยงบลงทุน 3,600 ล้านบาท ซึ่งจะเป็น โรงแรม 5 ดาวแห่งแรกในย่านประวัติศาสตร์นี้ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ต้องการสัมผัสวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้ง

เมื่อรวมทั้งหมด ในปี 2571 LHMH จะมีโรงแรม 11 แห่ง รวมห้องพักกว่า 5,000 ห้อง  จากปัจจุบันมี 4,000 ห้อง

คาดการณ์รายได้และทิศทางการตลาด

จากแผนดังกล่าว เราคาดการณ์รายได้ในปี 2568 อยู่ที่ 6,000 ล้านบาท และแตะ 8,000 ล้านบาทในปี 2569 และเมื่อเราเปิดแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ไชน่าทาวน์ ในปี 2571 ซึ่งเราจะมีโรงแรมเปิดครบ 11 แห่ง รวมกว่า 5,000 ห้อง คาดว่าจะสร้างรายได้แตะ 10,000 ล้านบาท” คุณกิตติกล่าว

แม้ว่าในปี 2568 อัตราการเข้าพักโดยเฉลี่ยจะยังน้อยกว่าปีก่อนหน้าเล็กน้อยประมาณ 7–15% จากปัญหาการหายไปของนักท่องเที่ยวจีนในไตรมาส 2 และเหตุการณ์แผ่นดินไหวปลายเดือนมีนาคม แต่ไตรมาส 4 มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดี โดยเฉพาะยอดจองช่วงปลายปีของโรงแรมหลัก ๆ ที่ เกิน 90% ทำให้บริษัทยังคงมั่นใจในทิศทางการเติบโตตามเป้าหมาย

ด้านสุวรรณา พุทธประสาท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LHMH ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในภูมิทัศน์ธุรกิจท่องเที่ยว โดยเฉพาะการเติบโตของกลุ่มนักท่องเที่ยวระยะไกลและกำลังซื้อสูงจากยุโรป ซึ่งส่งผลบวกโดยตรงต่อตลาดโรงแรม 4 – 5 ดาว ในทำเลศักยภาพ ทำให้โจทย์ของการแข่งขันในธุรกิจโรงแรมทวีความท้าทาย ไม่ได้วัดกันที่จำนวนห้องพักหรือราคา แต่แข่งขันกันที่ว่าใครจะสามารถส่งมอบประสบการณ์เฉพาะตัวที่เปี่ยมด้วยคุณค่า ซึ่งถือเป็นโอกาสของกลุ่มฯ ที่เน้นลงทุนเชิงคุณภาพ ให้ความสำคัญกับการเลือกทำเลศักยภาพสูง การออกแบบบริการที่มีเอกลักษณ์ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่แตกต่าง

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

‘ดร.บุรณิน’ ชี้ สิ้นยุคหว่านแห เปิดกลยุทธ์ปี 2026 ‘เจาะจุดเล็ก-เน้นเงินสด’

‘ยุทธชัย จรณะจิตต์’ นำทัพออนิกซ์ ทะยานสู่ 75+ โครงการใน 5 ปี

มูจิ เปิดแฟล็กชิปสโตร์ใหญ่สุดในอาเซียนที่เซ็นทรัลเวิลด์ ยกระดับไทยเป็น Global Hub

×

Share

ผู้เขียน