ทรู ดิจิทัล (True Digital) เดินเกมรุกตลาด B2B ครั้งสำคัญ ประกาศยุทธศาสตร์พลิกโฉมโครงสร้างพื้นฐานองค์กรไทยด้วยโมเดล ‘Digital Intelligence Fabric’ หรือผืนผ้าแห่งความฉลาดทางดิจิทัล ที่ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงแค่เชื่อมต่อโครงข่าย แต่เป็นแพลตฟอร์มอัจฉริยะตรงกลาง (Middle Layer) ที่ผสาน 8 โซลูชันล้ำสมัยเข้าด้วยกันแบบไร้รอยต่อ ตั้งเป้าแก้โจทย์ยากของภาคธุรกิจด้วยเทคโนโลยีที่ ‘พร้อมใช้-คุ้มค่า-เห็นผลจริง’ เปลี่ยนการลงทุนไอทีที่ซับซ้อนให้กลายเป็นขุมพลังเศรษฐกิจใหม่ที่จับต้องได้ทันที
ปลดล็อกพันธนาการธุรกิจ: เมื่อองค์กรไทยติดกับดัก Digital Transformation
เอกราช ปัญจวีณิน หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านดิจิทัล บมจ. ทรูคอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า แม้ภาคธุรกิจไทยจะตื่นตัวเรื่องเทคโนโลยี แต่จากประสบการณ์การทำงานร่วมกับลูกค้าองค์กรหลากหลายอุตสาหกรรม ทรู ดิจิทัล พบความจริงที่น่าสนใจว่า หลายองค์กรยังติดอยู่ใน “กับดัก” ของการเปลี่ยนผ่าน 6 ประการสำคัญ ได้แก่ การขาดทิศทางที่ชัดเจน (Direction), ระบบเทคโนโลยีที่เป็นระบบปิด (Closed Architecture), ขาดระบบอัตโนมัติ (Automation), ความซับซ้อนของเทคโนโลยี (Complexity), ความยากในการใช้งานจริง (Difficulty), และการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า (Unworthy Investment) ที่มักต้องใช้เงินลงทุนเริ่มต้นสูงแต่ใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
เจาะลึกมูลค่าตลาด B2B และเป้าหมายการเติบโต “2 เท่า”
ในภาพรวมของตลาด B2B ประเทศไทย มีเม็ดเงินการลงทุน (Spending) สูงถึงกว่า 1 ล้านล้านบาท โดยในจำนวนนี้แบ่งเป็นการลงทุนด้าน Digital Technology (เช่น ฮาร์ดแวร์, เน็ตเวิร์ก และโซลูชันต่าง ๆ) อยู่ที่ประมาณ 300,000 – 400,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นโอกาสทางธุรกิจมหาศาล
สำหรับ ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป ในปัจจุบันรายได้จากฝั่ง Digital Solutions คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 17% ของพอร์ตรายได้ B2B ทั้งหมด ในขณะที่อีก 83% ยังคงมาจากรายได้ส่วนโครงข่าย (Connectivity) อย่างไรก็ตาม ด้วยการรุกตลาดอย่างหนักผ่านกลยุทธ์ใหม่นี้ ทรู ดิจิทัล ได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในกลุ่มโซลูชันดิจิทัลให้สูงขึ้นถึง 2 เท่า ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นว่าองค์กรไทยกำลังขยับจากการใช้เพียงแค่อินเทอร์เน็ตพื้นฐาน มาสู่การใช้โซลูชันอัจฉริยะเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจอย่างจริงจัง
Digital Intelligence Fabric: จิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญตรงกลาง (The Missing Middle Layer)
เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายดังกล่าว ทรู ดิจิทัล จึงนำเสนอโครงสร้างพื้นฐานรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “Digital Intelligence Fabric”
นี่คือแพลตฟอร์มกลางที่เป็นเสมือน “ผืนผ้า” ถักทอเชื่อมโยงข้อมูลและเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน ออกแบบมาให้เป็นระบบเปิด (Open Architecture) ที่มีความยืดหยุ่น (Agility) รวบรวม 8 โซลูชันแกนหลักไว้ในที่เดียว เพื่อให้องค์กรสามารถ “หยิบใช้” ได้ตามโจทย์ปัญหา ไม่จำเป็นต้องลงทุนตูมเดียวทั้งหมด
8 โซลูชันขับเคลื่อนองค์กร

ภายใต้ Digital Intelligence Fabric ประกอบด้วย 8 โซลูชันที่ครอบคลุมทุกมิติ โดยมีไฮไลต์การใช้งานจริงที่น่าสนใจ ดังนี้:
- Computer Vision & AI: เปลี่ยนกล้องวงจรปิดให้เป็น “ตาที่มีสมอง”
- Case Study: ในธุรกิจค้าปลีก ระบบสามารถตรวจจับคุณภาพงานบริการ เช่น “พนักงานเดินเข้าไปดูแลลูกค้าภายใน 15 วินาทีหรือไม่” ซึ่งช่วยกระตุ้นยอดขายและประสิทธิภาพพนักงานได้อย่างชัดเจน
- Smart Logistics & Supply Chain: ยกระดับจากการแค่ติดตามรถ (Fleet Management) สู่การบริหารจัดการพฤติกรรมคนขับ
- Case Study: การนำระบบ Gamification มาใช้จัดอันดับคนขับรถดีเด่นเพื่อชิงรางวัล ผลลัพธ์คือสามารถ ลดอุบัติเหตุได้จริงถึง 30% ภายในเดือนเดียว
- Connectivity & IoT: เปลี่ยนข้อมูลทางกายภาพให้เป็นดิจิทัลด้วยเซ็นเซอร์อัจฉริยะราคาเข้าถึงง่าย พร้อมบริการแบบ Managed Service
- Case Study: การปรับแต่งโดรนเพื่อส่งอาหารและยาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งต้องบินในสภาพสัญญาณที่ไม่เสถียร แสดงให้เห็นความสามารถในการ Customize ระดับสูง
- Vertical Cloud: คลาวด์ที่ฝังระบบความปลอดภัย (Embedded Security) มาให้ในตัว ตอบโจทย์อุตสาหกรรมเฉพาะทาง เช่น การเงิน หรือ Healthcare
- Connected Building & Energy: บริหารจัดการพลังงานอาคารและคำนวณ Carbon Footprint ได้ทันที ตอบโจทย์เทรนด์ Sustainability
- Data & AI Platform: ใช้จุดแข็งจากการเป็น Telco ที่มีข้อมูลมหาศาล มาวิเคราะห์ Insight ผู้บริโภคแบบไม่ระบุตัวตน เพื่อจับเทรนด์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงเร็ว
- Cybersecurity: ระบบความปลอดภัยไซเบอร์ที่มีศูนย์ปฏิบัติการ (SOC) เฝ้าระวังภัยคุกคามตลอด 24 ชั่วโมง
- Digital Skill (Academy): การเตรียมความพร้อมเรื่อง “คน” ผ่านการอัปสกิล เพื่อให้มั่นใจว่าเทคโนโลยีที่ลงทุนไปจะถูกใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ
“ABCDE” Model: เบื้องหลังความอัจฉริยะ
ความแข็งแกร่งของโซลูชันทั้งหมดนี้ ขับเคลื่อนด้วยแกนเทคโนโลยีหลัก 5 ตัว หรือ “ABCDE Model” ได้แก่: A-AI (ปัญญาประดิษฐ์), B-Blockchain (ความปลอดภัย), C-Cloud (การประมวลผล), D-Data (ข้อมูลมหาศาล), และ E-Edge/IoT(เซ็นเซอร์จุดใช้งานจริง)
นิยามใหม่ “Digital Integrator” และ Ecosystem พาร์ทเนอร์ 2 ระดับ
ทรู ดิจิทัล ประกาศชัดเจนถึงบทบาทใหม่ที่เรียกว่า “Digital Integrator” ซึ่งแตกต่างจาก System Integrator (SI) ทั่วไป โดยเน้นการผสาน World Class Technology 50% เข้ากับ Customization 50% ที่พัฒนาโดยทีมงานทรู ซึ่งเบื้องหลังความสำเร็จนี้มาจากการมี Tech Partners ที่แข็งแกร่ง แบ่งออกเป็น 2 Tier หลัก:
- Frontline Partners: กลุ่มพันธมิตรระดับโลกที่เป็นแกนหลักของเทคโนโลยี มีจำนวนประมาณ 50 ราย (เช่น Nvidia, Databricks, Cisco Jasper, Alibaba)
- Alliance Partners: กลุ่มพันธมิตรเครือข่ายขนาดใหญ่ที่รวมถึง Local Startups และผู้พัฒนาเฉพาะทางจำนวนมาก ซึ่งพร้อมเข้ามาร่วมมือตามโจทย์ความต้องการ (On-demand)
โมเดลนี้ทำให้โซลูชัน “พร้อมใช้” (Ready-to-use) กว่า 80% ช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุน โดยเฉพาะกับกลุ่ม SME ที่ทรูตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น โดยโฟกัสไปที่ 3 กลุ่มหลักที่มีศักยภาพ ได้แก่ 1. กลุ่ม HoReCa 2. กลุ่ม Retail Distribution และ 3. กลุ่ม Small Manufacturing
มองข้ามช็อตสู่อนาคต: Space Economy
นอกจากการแก้ปัญหาในปัจจุบัน คุณเอกราชยังทิ้งท้ายถึงเทรนด์อนาคตในปี 2026 และถัดไป ไม่ว่าจะเป็น Living Intelligence, Humanoid Robotics และที่น่าจับตาที่สุดคือ Space Economy (เศรษฐกิจอวกาศ) ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลจะถูกยกขึ้นไปอยู่บนฟ้า และ Data Center บนอวกาศที่ใช้พลังงานสะอาดจะกลายเป็นจริง ซึ่งเป็นทิศทางที่ทรู ดิจิทัล กำลังเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงนี้
การขยับตัวครั้งนี้ของ ทรู ดิจิทัล คือการสร้าง Economic Value ให้กับภาคธุรกิจ ผ่านโมเดล Digital Intelligence Fabric ที่ช่วยให้องค์กรไทย—ตั้งแต่ร้านค้าปลีกไปจนถึงโรงงาน—สามารถเปลี่ยนจากการเป็นเพียง “ผู้ซื้อเทคโนโลยี” มาเป็นองค์กรที่ใช้เทคโนโลยีสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันได้อย่างยั่งยืน
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
พลิกโฉม Creator Economy ไทย: ปั้น ‘คนทำสื่อ’ สู่ ‘นักรบเศรษฐกิจ’ ที่ยั่งยืน
CU Living ARCH 5.0: ปลุกตึกเก่าให้ ‘หายใจ’ ด้วย Digital Twin รับมือโลกเดือด




