Share on
×

Share

Why Web Matter: ทิศทางคนทำเว็บ เมื่อ AI เปลี่ยนโลก

Why Web Matter: ทิศทางคนทำเว็บ เมื่อ AI เปลี่ยนโลก

ผ่าอนาคตโลกเว็บไซต์: เมื่อ “Traffic” กลายเป็นอดีต และ “ความจริง” คือทางรอดเดียวในยุค AI ครองเมือง

ในงาน WebPresso ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย (Thai Webmaster Association) “คุณทอย-กษิดิศ สตางค์มงคล” (แอดทอย) กรรมการสมาคมผู้ดูแลเว็บไซต์และสื่อออนไลน์ไทย และเจ้าของเพจ DataRockie ได้ขึ้นเวทีเพื่อส่งสารสำคัญถึงคนทำสื่อและนักการตลาดดิจิทัล หัวข้อ “Why Web Matter ทำไมยังต้องมีเว็บฯ” ไม่ได้เป็นเพียงการตั้งคำถาม แต่เป็นการประกาศจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญว่ากฎเกณฑ์เดิมที่เคยใช้สร้างความสำเร็จกำลังจะถูกล้มล้าง และนี่คือบทวิเคราะห์เจาะลึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่กำลังคืบคลานเข้ามา

1. วิกฤตการณ์ Traffic: เมื่อ “กรวยการตลาด” แบบเดิมใช้ไม่ได้ผล

คุณกษิดิศเปิดประเด็นด้วยการชี้ให้เห็นรอยร้าวในโมเดลการตลาดที่ใช้กันมานับสิบปี ตลอดมาคนทำเว็บเชื่อในหลักการ “Sales Funnel” หรือกรวยการตลาด ภายใต้สมมติฐานทางคณิตศาสตร์ง่าย ๆ ว่า หากกวาดคนเข้าเว็บไซต์ได้ 100 คน จะมีคนสนใจจริง 20 คน และปิดการขายได้ 5 คน ดังนั้น สมการความสำเร็จในอดีตจึงเท่ากับการ “อัดฉีด Traffic” เข้าไปให้มากที่สุด เพื่อให้ผลลัพธ์ปลายทางเพิ่มขึ้นตามสัดส่วน 

สูตรสำเร็จ One Person Business โดย กษิดิศ DataRockie

แต่ในโลกยุคปัจจุบัน สมการนี้กำลังถูกทำลายลง “Traffic จะไม่ใช่ตัวแปรที่สำคัญอีกต่อไป” สาเหตุสำคัญมาจากการเกิดขึ้นของ AI Search และ Chatbot อัจฉริยะอย่าง ChatGPT หรือ Gemini ที่สามารถประมวลผลและ “ตอบคำถาม” ผู้ใช้งานได้ทันทีบนหน้าแชท โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องกดคลิกเข้าสู่เว็บไซต์ต้นทาง 

ปรากฏการณ์นี้ส่งผลให้ยอดการเข้าชมเว็บไซต์ (Organic Traffic) ของหลายสำนักลดฮวบ แม้แต่เพจที่มีผู้ติดตามหลักแสนคนก็ไม่อาจต้านทานกระแสนี้ได้ ในอนาคต การวัดผลความสำเร็จจึงไม่อาจพึ่งพา “ยอดวิว” ได้อีกต่อไป แต่ต้องเปลี่ยนโฟกัสไปที่คุณภาพของผู้เข้าชมและการรักษาฐานลูกค้าตัวจริงแทน 

2. นิยามใหม่ของเว็บไซต์: จาก “หน้าร้าน” สู่ “Single Source of Truth”

เมื่อผู้คนมีแนวโน้มเข้าเว็บไซต์น้อยลง คำถามสำคัญคือ “เรายังจำเป็นต้องมีเว็บไซต์อยู่หรือไม่?” คุณกษิดิศยืนยันหนักแน่นว่าเว็บไซต์ยังคงมีความสำคัญสูงสุด แต่บทบาทของมันจะเปลี่ยนจากเวทีแสดงคอนเทนต์ไปสู่การเป็น “แหล่งความจริงเพียงหนึ่งเดียว” (Single Source of Truth)

ในยุคที่ข้อมูลบนโซเชียลมีเดียกระจัดกระจายและถูก AI นำไปปั่นแต่งได้ง่าย เว็บไซต์จะต้องทำหน้าที่เสมือน “Data Lakehouse” หรือคลังข้อมูลกลางที่เก็บ “ความจริง” เกี่ยวกับตัวตน สินค้า และบริการของแบรนด์ หน้าที่ใหม่ของคนทำเว็บคือการสร้างฐานข้อมูลที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือที่สุด เพื่อรอให้ Bot หรือ AI วิ่งเข้ามาตรวจสอบและดึงข้อมูล (Retrieve) ไปนำเสนอต่อผู้ใช้งาน นี่คือการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลเพื่อยืนยันว่าธุรกิจของคุณมีตัวตนจริงในโลกดิจิทัล 

3. การอพยพสู่ “Cozy Web” พื้นที่ปลอดภัยในวันที่ AI ยึดพื้นที่สื่อ

สัญญาณเตือนภัยอีกประการคือภาวะที่อินเทอร์เน็ตกำลังจะท่วมท้นไปด้วย “AI-Generated Content” หรือคอนเทนต์สังเคราะห์ที่สร้างโดยบอท ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ คลิปวิดีโอ หรือบทความ เมื่อพื้นที่สาธารณะเต็มไปด้วยข้อมูลขยะและสิ่งรบกวน มนุษย์ผู้โหยหาคอนเทนต์คุณภาพและการปฏิสัมพันธ์ที่แท้จริงจะเริ่ม “อพยพ” 

ปลายทางของการอพยพคือ “Cozy Web” หรือเว็บที่อบอุ่นและเป็นส่วนตัวมากขึ้น เช่น Discord, Email Marketing หรือ Community เฉพาะกลุ่ม คุณกษิดิศยกกรณีศึกษาของแบรนด์ “Nothing” ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่สร้างมูลค่าธุรกิจได้มหาศาลภายในเวลาสั้น ๆ ด้วยกลยุทธ์การสร้าง Community ที่แข็งแกร่ง เปิดพื้นที่ให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมในการออกแบบผลิตภัณฑ์รุ่นพิเศษ (Community Edition) นี่คือทิศทางใหม่ที่ชี้ว่า “บ้าน” หลังใหม่ของแบรนด์จะไม่ใช่พื้นที่เปิดโล่ง แต่เป็นชุมชนปิดที่เน้นความสัมพันธ์เชิงลึก 

4. Zero UI และ Headless CMS: เมื่อหน้าเว็บถูก “เสก” ตามใจผู้ใช้

ในเชิงเทคนิค คุณกษิดิศคาดการณ์ถึงเทรนด์ล้ำสมัยที่จะเกิดขึ้นในอีก 4-5 ปีข้างหน้า นั่นคือ Zero UI (Zero User Interface)หรือ Generative UI ซึ่งจะมาลบล้างแนวคิดการออกแบบหน้าเว็บแบบตายตัว (Fixed Design) ที่เราคุ้นเคย 

ในอนาคต เมื่อผู้ใช้ป้อนคำสั่งหรือคำถาม AI จะทำการ “Generate” หน้าตา Interface ขึ้นมาใหม่แบบ Real-time ให้เหมาะสมกับบริบทและความต้องการของผู้ใช้คนนั้น ๆ โดยเฉพาะ เพื่อรองรับอนาคตนี้ โครงสร้างเว็บไซต์ต้องปรับตัวสู่ระบบ Headless CMS คือการแยกส่วนแสดงผล (Frontend) ออกจากส่วนฐานข้อมูล (Backend) เพื่อเปิดช่องทางให้ AI สามารถเจาะเข้าสู่หลังบ้านผ่าน API (Bypass Frontend) เพื่อดึงข้อมูลดิบไปประกอบร่างเป็นหน้าตาใหม่ได้ทันที หากไม่เตรียมพร้อม ระบบปิดแบบเดิมอาจทำให้แบรนด์ตกขบวนรถไฟสายนี้ 

The Death of the Internet: เมื่อ AI ครองเมือง ‘ความเป็นมนุษย์’ คือทางรอดเดียว

5. ยุทธวิธีการอยู่รอด: เขียนให้ “คนเชื่อ” และ “บอทชอบ”

เพื่อให้เว็บไซต์ยังคงอยู่รอดและเติบโต คุณกษิดิศเสนอแนวทางปฏิบัติที่ต้องทำควบคู่กัน 2 ด้าน ดังนี้:

ด้านที่ 1: การคุยกับเครื่องจักร (Optimizing for Machines)

  • Question-Answer Format: ปรับโครงสร้างการเขียนให้เป็นรูปแบบ “ถาม-ตอบ” โดยเน้นให้คำตอบที่ชัดเจนก่อน แล้วค่อยอธิบายขยายความทีหลัง (Answer First, Explain Later) เพื่ออำนวยความสะดวกให้ AI ดึงข้อมูลไปใช้ 
  • llms.txt: เว็บไซต์ยุคใหม่ควรเพิ่มไฟล์ llms.txt ไว้ที่ Root Folder (คล้ายกับ robots.txt ของยุคเก่า) เพื่อทำหน้าที่เป็นสารบัญบอก AI ว่า “ฉันคือใคร” และ “ข้อมูลสำคัญอยู่ที่ไหน” 
  • Linked Data (JSON-LD): การฝังโค้ดเพื่อสร้าง Knowledge Graph ระบุความสัมพันธ์ เช่น การใช้ Property sameAsเพื่อยืนยันว่าเว็บไซต์นี้เป็นเจ้าของเดียวกับบัญชี Twitter หรือ YouTube ช่องนี้ เพื่อให้ AI มั่นใจในที่มาของข้อมูล 

ด้านที่ 2: การคุยกับมนุษย์ (Value for Humans)

  • Information Gain: เลิกผลิตคอนเทนต์พื้นฐานที่หาได้ทั่วไป เพราะ AI ทำได้ดีกว่าและเร็วกว่า แต่ต้องเน้นเนื้อหาที่มี “คุณค่าใหม่” (Information Gain) ที่ไม่เคยมีใครพูดถึงมาก่อน 
  • Experience & Expertise: จุดแข็งที่ AI เลียนแบบไม่ได้คือ “ประสบการณ์ตรง” ตามหลักการ E-E-A-T การเขียนบทความต้องเปลี่ยนจาก “What is…” (ทฤษฎี) เป็น “How I…” (ฉันทำอย่างไร) การแบ่งปันประสบการณ์ ความล้มเหลว และความสำเร็จส่วนตัว คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้คอนเทนต์นั้นมีค่าในสายตามนุษย์ 

บทสรุป: สกุลเงินใหม่ที่เรียกว่า “Trust”

คุณกษิดิศ ทิ้งท้ายด้วยข้อคิดที่สำคัญที่สุด ในวันที่เทคโนโลยีทำให้การสร้างข้อมูลปลอมเป็นเรื่องง่ายเพียงปลายนิ้ว “ความเชื่อใจ” (Trust) จะกลายเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งและมีมูลค่าสูงสุด 

เป้าหมายสูงสุดของการทำเว็บไซต์ในยุคถัดไป จึงไม่ใช่การไล่ล่าตัวเลข Traffic หลักล้านที่ว่างเปล่า แต่คือการสร้างพื้นที่ที่ “อบอุ่น” เพื่อสะสม “คนเชื่อใจ” แม้จะมีเพียงหลักพันคน แต่หากเป็นพันคนที่เชื่อมั่นในตัวตนและแบรนด์ของเราอย่างแท้จริง (True Fan) นั่นคือสินทรัพย์ที่ยั่งยืนที่สุดที่ปัญญาประดิษฐ์หน้าไหนก็ไม่อาจแย่งชิงไปได้ 

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Design Before Disaster: ออกแบบเพื่อ ‘อยู่รอด’ ในวันที่โลกไม่เหมือนเดิม

เทคไทยระดม ‘AI-โดรน-ดาวเทียม’ กู้ภัยน้ำท่วมใต้

×

Share

ผู้เขียน