เมื่อมองไปยังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ภาพที่เห็นชัดเจนที่สุดคือการเป็นภูมิภาคที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ การผลิต และการบริโภคที่รวดเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แต่สิ่งที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมหาศาลและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงขึ้น
ดร.ลัณฉกร ประทุมรัตน์ Thailand Office Director, EU SWITCH-Asia Policy Support Component ได้นำเสนอข้อมูลสำคัญบนเวที งานประชุมวิชาการเครือข่ายส่งเสริมการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืนแห่งประเทศไทย ประจำปี 2568 ซึ่งชี้ให้เห็นถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เมื่อแนวคิดเรื่อง การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน (Sustainable Consumption and Production – SCP) กำลังถูกผลักดันจากนโยบายบนหน้ากระดาษสู่การปฏิบัติจริง ทั้งในระดับรัฐบาล ธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
พลังแห่งการซื้อของรัฐ: คานงัดเปลี่ยนตลาด

กุญแจดอกแรกที่จะไขประตูสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน คือการตระหนักถึงอำนาจในการใช้จ่ายของภาครัฐ ข้อมูลจาก SWITCH-Asia ระบุไว้อย่างน่าสนใจว่า ภาครัฐคือผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดที่มีสัดส่วนการใช้จ่ายสูงถึง 20-30% ของตลาดทั้งหมด ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นว่า หากรัฐบาลขยับตัวด้วยการกำหนดนโยบาย การจัดซื้อจัดจ้างสีเขียวของภาครัฐ (Green Public Procurement – GPP) ย่อมสร้างแรงกระเพื่อมมหาศาลให้ภาคเอกชนต้องปรับตัวตาม ทำให้สินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมีที่ยืนในตลาด และเกิดการแข่งขันที่สมเหตุสมผล
พันธมิตรธุรกิจอาเซียน: เมื่อภาคเอกชนจับมือขับเคลื่อน
อย่างไรก็ตาม ลำพังเพียงภาครัฐอาจไม่เพียงพอ การขับเคลื่อนนี้ยังได้รับการขานรับจากภาคเอกชนผ่านการรวมตัวที่เข้มแข็งในนาม ASEAN Circular Economy Business Alliance ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำคัญในการเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจระดับภูมิภาค เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าโมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียนสามารถสร้างผลกำไรและโอกาสทางธุรกิจได้จริง โดยมีความน่าภาคภูมิใจคือ องค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของไทย (TBCSD) ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ (Lead Leader) ในการขับเคลื่อนวาระนี้ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมในภูมิภาค เพื่อสร้างกรณีศึกษาทางธุรกิจ (Business Case) ที่เป็นรูปธรรมและส่งเสริมนโยบายร่วมกับภาครัฐ
ความก้าวหน้าในภูมิภาค: จากกฎหมายสู่การปฏิบัติ
จากการทำงานเชิงลึกของโครงการ SWITCH-Asia ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก สหภาพยุโรป (European Union) ใน 42 ประเทศ พบความเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญในหลายพื้นที่ เริ่มจาก ประเทศเวียดนาม (Vietnam) ซึ่งเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นในการนำแนวคิดการเติบโตสีเขียว (Green Growth) มาบรรจุไว้ในกฎหมายอย่างชัดเจน ทั้งในกฎหมายการประมูลปี 2023 และกฎหมายคุ้มครองสิ่งแวดล้อมปี 2020 พร้อมกำหนดเป้าหมายการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียวที่ท้าทายสำหรับปี 2030 และ 2050 ในขณะที่ ติมอร์-เลสเต (Timor-Leste) ประเทศน้องใหม่ ก็ได้ประกาศใช้กฎหมายการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐฉบับใหม่ในปี 2024 ซึ่งครอบคลุมมิติสิ่งแวดล้อมและสังคมเข้าไว้ด้วยกัน
ข้ามไปที่กลุ่มประเทศ เอเชียกลาง (Central Asia) ทั้ง 5 ประเทศ มีความเคลื่อนไหวในระดับโครงสร้างที่น่าจับตามอง โดยมีการทำงานร่วมกับ รัฐสภา (Parliament) ของแต่ละประเทศโดยตรง เพื่อบูรณาการแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนเข้าไปในแผนยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งถือเป็นการยกระดับการขับเคลื่อนจากฝ่ายปฏิบัติการไปสู่ฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในระยะยาว
สำหรับกลุ่มประเทศใน หมู่เกาะแปซิฟิก (Pacific Islands) เช่น ฟิจิ ซามัว และคิริบาส ซึ่งมีรายได้หลักจากการท่องเที่ยว ได้มีการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์จากการวางแผนแม่บท ไปสู่การลงมือทำจริงใน ภาคการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism) โดยมุ่งเน้นการจัดการตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบไปจนถึงการจัดการของเสีย เพื่อให้สอดรับกับมาตรฐานสากล
ความท้าทายที่รอการแก้ไข: ข้อมูลและผู้ประกอบการรายย่อย
แม้สัญญาณความเปลี่ยนแปลงจะเป็นไปในทิศทางบวก แต่ก็ยังคงมี “ช่องว่างความยั่งยืน” (Sustainability Gap) ที่เป็นอุปสรรคสำคัญ โดยเฉพาะปัญหาเรื่อง ฐานข้อมูล (Data) ที่ยังขาดแคลนและกระจัดกระจาย การประเมินวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (Life Cycle Assessment – LCA) และการทำฉลากสิ่งแวดล้อม (Environmental Product Declaration – EPD) ยังมีข้อมูลไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนการตัดสินใจของผู้บริโภคและภาครัฐได้อย่างแม่นยำ
นอกจากนี้ ความพร้อมของ ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ยังเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องเร่งแก้ไข เนื่องจากผู้ประกอบการกลุ่มนี้มักเผชิญข้อจำกัดทั้งด้านเทคโนโลยี เงินทุน และความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งหากปราศจากแรงจูงใจทางเศรษฐกิจที่มากพอ สินค้าที่ยั่งยืนอาจไม่สามารถแข่งขันกับสินค้าทั่วไปในท้องตลาดได้
สถานการณ์ในปัจจุบันชี้ให้เห็นว่า แนวโน้มของภูมิภาคกำลังมุ่งหน้าสู่การเชื่อมโยงนโยบาย SCP เข้ากับเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ (NDC) และยุทธศาสตร์การเติบโตสีเขียว (Green Growth) อย่างแนบแน่น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมพลาสติก วัสดุก่อสร้าง และบรรจุภัณฑ์ สิ่งที่ SWITCH-Asia และเครือข่ายพันธมิตรกำลังขับเคลื่อน ไม่ใช่เพียงการรณรงค์ปลูกจิตสำนึก แต่คือการสร้างระบบนิเวศทางเศรษฐกิจใหม่ ที่ใช้ “กำลังซื้อ” ของรัฐ และ “พลังเครือข่าย” ของภาคธุรกิจ เป็นคานงัดเพื่อเปลี่ยนผ่านภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกไปสู่ฐานเศรษฐกิจหมุนเวียนที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อโลกอย่างแท้จริง
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
BLS ฟันธงหุ้นโลกปี 69 ‘ขาขึ้น’ แนะตุน ‘กองทุนเทคฯ’ รับเมกะเทรนด์ AI
6 องค์กร ผนึก THAI NSW เชื่อม ATIGA e-Form D ขับเคลื่อนการค้าไร้กระดาษ


